นาย ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช ประธานคณะอนุกรรมการนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในประเทศไทยขณะนี้ ว่า ประเทศไทยติดอันดับ 3 ของเมืองที่มีอากาศแย่ที่สุดในโลก ซึ่งปัญหาฝุ่นพิษแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ของคนไทย จึงอยากจะเห็นรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เร่งแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วนและจริงจัง เพราะฝุ่นพิษนี้ส่งผลร้ายต่อสุขภาพของคนไทย
พรรคเพื่อไทยจึงขอเสนอแนววิธีการดังนี้
1.ควรดำเนินการติดตั้งระบบการแจ้งเตือนมลพิษตามสถานที่สุ่มเสี่ยงต่างๆ
2.พิจารณาภาษีฝุ่นพิษ โดยโรงงานต่าง ๆ ที่ปล่อยมลพิษเกินมาตรฐานจะต้องจ่ายภาษีเพิ่มขึ้นตามปริมาณที่ปล่อยเกิน
3.เริ่มดำเนินการฉีดน้ำจากที่สูง ฉีดน้ำล้างถนน และติดสปริงเกอร์บนตึกสูงเพื่อพ่นละอองน้ำ 4.สร้างระบบ Big Data โดยจัดเก็บข้อมูลเพื่อทำการวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยง
5.เร่งนำแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติเรื่องการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละลอง
ทั้งนี้ ปัญหาฝุ่นพิษคือปัญหาเร่งด่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ ควรจะต้องเร่งแก้ไข เพราะหากอากาศยังคงแย่แบบนี้ ก็คงไม่มีใครอยากที่จะเที่ยวในประเทศไทยอีกต่อไป
ด้าน นางสาวอรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) โดยบางพื้นที่ค่าฝุ่นทะลุ 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ กทม. มีค่าฝุ่นอยู่ที่อันดับ 6 ของโลกว่า รัฐบาลไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหา ทั้งที่มีแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองที่รัฐบาลได้อนุมัติให้แผนดังกล่าวนี้ผ่านมติ ครม.ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ออกมาตรการแก้ปัญหาสวยหรู แต่ไม่ตอบโจทย์แม้แต่น้อย โดยใช้งบประมาณของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติในการจัดการปัญหานี้
ทั้งนี้ หมดแล้วเวลาที่รัฐบาลจะโยนบาปให้ประชาชน รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในตำแหน่งมาอย่างยาวนานกว่า 6 ปี และ ผู้ว่า กทม.ที่ คสช.แต่งตั้งมายังอยู่ในหน้าที่แต่ไม่เคยแก้ปัญหาอย่างจริงจัง
ตอนนี้ประชาชนมีทางเลือกไม่กี่ทาง ว่าจะมีชีวิตรอดได้อย่างไร จะตายเพราะเศรษฐกิจแย่ ตายเพราะโควิด-19 ตายเพราะฝุ่น หรือตายเพราะมีผู้นำอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ กันแน่ พรรคเพื่อไทยจะขอทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ เราจะทวงถามทั้งในสภาและถึงคณะกรรมาธิการต่าง ๆ จะไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้แน่นอน
ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : INNnews
