สงขลาปิดเส้นทางเข้า-ออก3จุดหลังติดโควิดอื้อ

186
แชร์ข่าวนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถานการณ์โควิด-19 ที่จ.สงขลาซึ่งมีผู้ป่วยสะสม 1,278 คนแล้ว โดยเฉพาะคลัสเตอร์ใหม่ในพื้นที่บ้านโคกเมา หมู่11 ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ จ.สงขลา ซึ่งมีผู้ติดเชื้อเพียงหมู่บ้านเดียวจำนวน 35 คนแล้วจากจำนวนผู้ติดเชื้อใน อ.บางกล่ำ 59 คน จากวงพนัน และต้องรอผลตรวจชาวบ้านกลุ่มเสี่ยงอีก 200 คน

ล่าสุดในวันนี้ได้มีการล็อกดาวน์พื้นที่บ้านต้นข่อย ที่เป็นศูนย์กลางการระบาดและพบผู้ติดเชื้อมากที่สุดแล้วเป็นเวลา 14 วัน เริ่มตั้งแต่เวลา 8 โมงเช้าวันนี้ไปจนถึงวันที่ 7 มิถุนายน และปิดเส้นทางเข้าออกชุมชนต้นข่อย 3 จุด คือบริเวณสามแยกโรงเรียนบ้านโคกเมา สี่แยกบ้านพี่เจี๊ยบ และสามแยกบ้านป่าเรียนวิทยา เขตรอยต่อระหว่างหมู่ 11 กับหมู่ 7 ส่วนพื้นที่อื่นๆ ของบ้านโคกเมาประชาชนยังสามารถเข้าออกและใช้ชีวิตได้ตามปกติเพียงแต่ต้องดูแลตัวเองเท่านั้น โดยเฉพาะถนนสายท่าไทร-บางกล่ำ ที่เป็นเส้นทางตัดผ่านกลางหมู่บ้านโคกเมาไปยัง อ.บางกล่ำและอ.ควนเนียง ยังสามารถสัญจรได้ตามปกติไม่ได้มีการปิดทั้งหมู่บ้านตามที่เป็นข่าว อย่างไรก็ตามผลพวงจากการที่มีชาวบ้านในชุมชนต้นข่อยติดเชื้อโควิดจำนวนมาก ทำให้มีบ้านหลายหลังในบริเวณนี้ต้องจำกัดเขตพื้นที่หน้าบ้านโดยใช้เชือกกั้นเอาไว้สำหรับเป็นจุดที่มาส่งของหรือเพื่อนบ้านมาธุระ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในจำนวนผู้ที่ติดเชื้อโควิดในพื้นที่บ้านโคกเมา มีอยู่หลังหนึ่งที่แม่ติดเชื้อโควิดและถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล ต้องปล่อยให้ลูกชาย 3 คน ที่ยังเป็นเด็กโดยคนโตอายุแค่ 14 ปีกักตัวอยู่ที่บ้านเพียงลำพังกัน 3 คนพี่น้องรวมทั้งเพื่อนอีก 1 คนที่มากักตัวอยู่ด้วยกัน

จากการสอบถามพี่ชายอายุ 14 ปี บอกว่าหลังจากที่แม่ป่วยพวกตน 3 คนพี่น้องก็ไปตรวจแล้วแต่ไม่ติดเชื้อ แต่ก็ต้องกักตัวเองเป็นเวลา 14 วัน โดยวันนี้เป็นวันที่ 7 แล้ว และต้องหุงหาอาหารกันเองและมีญาติพี่น้องและหน่วยงานต่างๆ มาช่วยเหลือเรื่องอาหารการกินบ้าง ซึ่งรู้สึกกดดันและก็กลัวเหมือนกัน เช่นเดียวกับเพื่อนบ้านซึ่งเป็นผู้หญิงที่มีบ้านอยู่ติดกัน บอกว่าทำงานอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ แต่วันนี้ต้องหยุดงาน 1 วันหลังจากที่มีข่าวชาวบ้านโคกเมาติดเชื้อโควิด เพื่อนร่วมงานจึงกังวลขอให้หยุดงานก่อนและต้องรอดูวันพรุ่งนี้จะได้ไปทำงานหรือไม่และอาจจะต้องกักตัว 14 วันด้วย

 

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : INNnews


แชร์ข่าวนี้