ชีวิตจริงไม่ตลก “เห็ดเผาะ” เจอมรสุมถูกยึดบ้าน ต้องขายรถ เตรียมย้ายไปอยู่ต่างประเทศ

197
แชร์ข่าวนี้

ชีวิตจริงของนักแสดงตลกที่เธอสร้างรอยยิ้มให้กับทุกคนที่ได้เห็น สำหรับ เห็ดเผาะ เชิญยิ้ม ที่ได้มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 เธอได้เล่าว่าจริงๆแล้วชีวิตจริงไม่ได้ตลกเลยแถมยังมีแต่น้ำตาเพราะการลงทุนกับธุรกิจที่คิดว่าดี คิดว่าใช่จะพาให้ครอบครัวสบาย ทำเงินได้ดี แต่สุดท้ายกลับล้มไม่เป็นท่าจนตัวเองสติหลุดจนต้องเข้าวัดบวชเพื่อเรียกสติ พร้อมเผยย้ายครอบครัวไปอยู่ต่างประเทศ

ต้องบอกว่า เห็ดเผาะ เป็นนักแสดงตลกอีกคนที่มีเอกลักษณ์ชัดเจนมากไปไหนต่อไหนคนมักจะเข้าใจว่า เห็ดเผาะ คือ ผู้หญิงตลกๆเสียงพูดไม่ชัดๆแล้วตาเหล่ๆ ?
“นั่นเป็นคาแรกเตอร์ค่ะ ที่เกิดจากซิทคอมเรื่องหนึ่งที่ไปแสดงแล้วนักแสดงในบทที่เราได้รับต้องมีลักษณะประมาณนั้น”

แต่พอมีโควิดเข้ามาคือ งานทุกอย่างหยุดเลยใช่ไหม ?
“มันก็หยุดทุกอย่างเลยค่ะ ชีวิตของเราพอเจอคนร่วมงาน หรือญาติ หรือคนรู้จักเขาก็จะถามเราว่า เห็ดเผาะ เป็นยังไงบ้างเราไม่รู้ว่าจะตอบยังไงเลยค่ะ เราก็ตอบว่าเป็นเหมือนพี่นั่นแหละ แต่บังเอิญคือเราไปดวงไม่ดีด้วย มันเลยเพิ่มความซวยขึ้นไปอีก เกี่ยวกับการทำธุรกิจของเราด้วย ซึ่งเราเริ่มทำเลยคือเปิดมินิมาร์ทที่สวนผัก ตอนนั้นมันเป็นอพาร์ทเม้นท์ของคนที่เรารู้จัก เราไปดูทำเลแล้วรู้สึกว่าโอเค เราเลยถามเขาว่าเราเปิดได้ไหม ค่าเช่าประมาณเดือนละ 6,000 บาท ช่วงแรกๆ ที่เปิดเราไปขายเองเลยขายดีเลยนะคะ ช่วงเช้าขายดีมากที่สุด กลางวันจะนิ่งๆ หน่อย ส่วนเสาร์ อาทิตย์ คือเคยขายได้เป็นหลักหมื่น แต่มันก็เป็นดวงพอเราขายของตรงนี้ก็จะมีงานเข้ามาให้ไปทำ เพราะตอนนั้นคาเฟ่ยังเปิดอยู่ (เปิดแบบปลายๆ พระราม 9 แล้ว) เราก็ให้ลูกดูบ้าง หลานดูบ้าง จากที่เราขายได้วันละ 6-7 พันบาท กลับมาขายได้วันละ 300 บาท เพราะว่าเด็กไม่ได้ใส่ใจก็เจ๊งไป”

“แล้วพอหลังจากนั้นเราก็มีความรู้สึกว่าอยากเปิดร้านขายสเต็ก พอเราได้เงินมาก็เปิด เราก็ตั้งชื่อร้านว่า สเต็กเห็ดเผาะ คนไม่เข้าร้านเลย เพราะว่าคนเขาเข้าใจผิดว่าสเต็กใส่อะไร ถึงขนาดที่บางคนเข้ามาถามว่าเห็ดมันสามารถมาทำสเต็กได้เหรอ แล้วพ่อถั่วแระ เขาก็มาทักเราว่าทำไมเราไม่เอารูปตัวเองขึ้นโชว์ที่ร้าน เราก็ไปทำตามก็มีคนรู้จักก็เข้ามาทานที่ร้าน แล้วแฟนเราก็เป็นคนทำแล้วก็มีอันต้องไปทำงานอีก เราก็ให้พี่ป้าน้าอามาอยู่ที่ร้านช่วยก็เละอีก พอเรากลับมาจากทำงานมาที่ร้านลูกค้าก็มาบอกเราว่ารสชาติที่เขาเคยกินไม่ใช่แบบนี้ แล้วก็ไม่มีลูกค้าเข้าร้านเลย”

“เราทำมาทุกอย่างเลยค่ะ มินิมาร์ท ร้านสเต็ก ปลาเผา ร้านนวด เจ๊งหมดเลย เพราะเราไม่ได้คุมเองด้วย และโควิดเข้ามาด้วย ซึ่งการทำธุรกิจของเราพอทำไปทำมากลายเป็นหนี้เลย”

เห็นบอกว่าโดนยึดรถ ยึดบ้าน เพราะเกิดขึ้นจุดที่ไม่มีจะผ่อนจริงๆ ?
“ไม่มีเลยค่ะ ตอนแรกที่เราทำธุรกิจคือ ไม่ได้มีการกู้เลย แต่หลังๆ มาคือเริ่มที่จะมีการกู้ เพราะอย่างตอนแรกเราทำงานได้เงินมาเอาไปลงทุน แต่พอเรายิ่งลงทุนยิ่งจมลงไป เราก็ยิ่งเอาเงินไปถมที่จมลงเพื่อให้มันอยู่ได้ แล้วก็มีธุรกิจอีกตัวที่ทำคือเราไปรับมาแล้วก็มาปล่อยต่อเพื่อจะเอากำไร แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด มันกลายเป็นดินพอกหางหมู พอสินค้าที่เรารับมาส่งมาไม่ได้เพราะว่ามันมาจากต่างประเทศใช่ไหมคะ พอมาไม่ได้เรากลายเป็นหนี้เลย เราต้องรับผิดชอบจากมีเงินซัพพอร์ตกลับกลายเป็นไม่มีไปเลยเราก็ต้องขายโน้น ขายนี่”

“ยอมให้เขาเอารถไปขายจนหมดแล้วเหลือเงินอยู่หลักหมื่นก็ไปซื้อรถคันหนึ่งมาไว้ใช้ ก็มาถึงจุดพีคมากๆ เลยคือเหลือคันนี้คันเดียว แล้วช่วงที่เรามาอัดรายการคือไปขับรถชนหกล้ออีก แล้วรถคันนี้ที่เราขับไม่มีประกันด้วย กลับต้องไปเสียเงินให้กับคู่กรณีอีก ที่เล่ามาทั้งหมดคือแค่ย่อๆ นะคะ แต่รายเอียดคือหลายอย่างมาก”

คือชีวิตของ เห็ดเผาะ ถ้าประคับประคองคนเดียวยังโอเค แต่เห็ดเผาะ ต้องประคับประคองทั้งครอบครัว จนเราป่วยเป็นซึมเศร้า ไบโพลาร์ ?
“ตอนแรกที่เราป่วยหรือเปล่า เพราะว่าเราเล่นตลกมาตั้งแต่ 4-5 ขวบ แล้วเราก็ไปเล่นกิเล แล้วก็กลับมาเล่นตลกต่อ เราเหมือนกับว่ามีอารมณ์แปรปรวน หัวร้อนง่าย ตอนนั้นเราก็คิดว่าคงเป็นอารมณ์ของผู้หญิงที่ต้องรับมือทุกสิ่งทุกอย่างเองหรือเปล่า จนกระทั่งมาวันหนึ่งที่คนพูดแล้วเรารู้สึกว่าผิดใจไม่ได้เลย แล้วคือมีวันหนึ่งที่แฟนมาพูดเกี่ยวกับเรื่องร้านเรื่องอะไร (ซึ่งก่อนหน้านี้มีซินแสเขาก็ทักเราแล้วว่าเราไม่ได้มีดวงเกิดมาเพื่อเป็นแม่ค้า คุณเกิดมาเพื่อเป็นนักแสดง คุณควรมูฟทุกอย่างกลับคืนให้หมดเถอะ เพราะไม่งั้นทุกอย่างจะเจ๊ง) ซึ่งพอเราถูกทักเราก็ยังไม่เชื่อ แล้วประกอบกับแฟนก็อยากให้เราหยุด เขาก็มาบอก เราก็กลับกลายเป็นทะเลาะกัน แต่ทุกครั้งที่ทะเลาะหรืออะไรแบบนี้แฟนจะหยุดแล้วยอมไป แต่วันนั้นเขาพูดแค่ว่า เธอไม่ฟังฉันเลย คือสติเราหลุดไปเลย ไปกระชากเอาราวเหล็กที่ใช้สำหรับแขวนตู้เสื้อผ้าออกมา แล้วก็ใช้ท่อนเหล็กตีแฟนทุกอย่างที่ทำได้คือเสี้ยววินาทีเลยค่ะ”

“แต่พอรู้สึกตัวเรายืนอึ้งกับสิ่งที่เราทำลงไป แล้วเราก็พยายามเดินออกไปวนถามตัวเองว่าเราทำอะไรลงไป แล้วก็ก้มกราบแฟนขอโทษในสิ่งที่เราทำกับเขาลงไป ขอโทษเขาทั้งคืนเลยวันนั้น แต่เขานิ่งจนแบบเราไม่รู้จะทำยังไง เราก็เข้าไปในห้องพระ กราบพ่อแก่ตั้งจิตว่าไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำไมครอบครัวถึงเป็นแบบนี้ มันอาจจะเป็นวิบากกรรมหรือเปล่า หรือจะเป็นทุกสิ่งที่เราได้ผิดครูบาอาจารย์หรือเปล่าเพราะเราไม่ได้ไหว้ครูเลย แต่เพราะว่าเราก็เจอวิกฤตแบบนี้ก็ไหว้ครูต้องใช้เงินเยอะ ซึ่งไม่ได้ต้องจัดใหญ่ก็ได้แต่ต้องใช้เงินและสิ่งที่ทำละเอียดอ่อนมาก”

“แล้วหลังจากนั้นเราก็โกนผมเลย แล้วเราก็ทำคลิปขอโทษทุกคน ขอโทษครอบครัว ขอโทษที่เป็นแบบนี้ ตอนนั้นเหมือนสติเราหลุดไปแล้ว แต่พอ พี่กบ เขามาเจอ เขาก็บอกเราว่าไม่เป็นไรตั้งสตินะ มันอาจจะเป็นวิบากกรรมหรืออะไรก็ตามยังไงก็โกนหัวแล้วไปบวชเลย ส่วนตัวแฟนเขาก็ไปบวชพระ ตอนนั้นบวชอยู่ประมาณ 19 วัน”

แต่เพราะชีวิตยังมีลมหายใจ เห็ดเผาะ ก็ไม่ถอยสู้ แต่สู้ครั้งนี้ขอไปสู้ที่อเมริกาเกิดอะไรขึ้น เพราะคิดจะย้ายไปอยู่ที่อเมริกาเลย ?
“มันเป็นสภาวะที่ไม่ไหวแล้ว คือไม่ไหวจริงๆ คือเรามีลูกชาย 2 คน ลูกผู้หญิงหนึ่งคน คือตอนนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย เหมือนครอบครัวมันกระจายไปหมด เหมือนมีแค่เราสองคนพ่อแม่แล้วก็หลานอีกคน แล้วพอดีมีพี่ตาล พี่เขาทักมาจาก แม็กซิโก (น้ำตาไหล) เขาก็บอกว่าเขาเห็นเรามีปัญหาครอบครัวเยอะมากเลย เขาก็บอกเราว่ามาหาพี่ไหมมาพักผ่อนกับพี่อย่างน้อยก็ยังได้พักสติพักสมองอยากทำอะไรก็ทำ เพราะพี่ตาลเขาชวนให้เราไปทำอยู่ที่ร้านไม่ต้องไปเป็นลูกน้องใครให้อยู่กับเขา เลยตัดสินใจว่าจะไปก็มีเรา แฟน แล้วก็ลูกคนเล็กไปด้วยกัน เราจะไปกันคือ สิ้นเดือนนี้ค่ะ”

เห็ดเผาะ อยากจะบอกอะไรกับคนที่เจอภาวะหนักหน่วงเหมือนเราบ้าง ?
“อย่างเดียวเลยที่จะอยู่ได้จะอยู่รอด คือต้องไม่ท้อ ต้องมีสติที่จะสู้มัน คือร้องไห้ได้เหนื่อยไม่ไหวอยากร้อง ร้องเลยค่ะ ร้องให้เต็ม เพราะนี่มันคือการลงทุนของเราและเราได้ทำดีที่สุดแล้ว แล้วก็ไปต่อเพราะเมื่อถึงเวลานั้นแล้วเราร้องไห้ขนาดไหนแต่เราไม่ไปต่อ ก็ไม่มีใครสามารถมาดึงมือเราให้เดินต่อได้นอกจากตัวของเราเอง”

สามารถชมรายการ ต้มยำอมรินทร์ ย้อนหลังได้ทาง ยูทูป : https://youtu.be/7NVb20B1ssg

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : sanook


แชร์ข่าวนี้