นายกฯสั่งเร่งแจกATKจัดวัคซีนแล้ว152.9ล้านโดส

171
แชร์ข่าวนี้

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เริ่มดีขึ้นแนวโน้มผู้ติดเชื้อใหม่มีจำนวนลดลงถือเป็นสัญญาณที่ดี ที่สำคัญจำนวนยอดผู้ป่วยในส่วนที่รักษาหายสามารถกลับบ้านได้สถิติสูงกว่ายอดผู้ป่วยที่ติดเชื้อใหม่รายวันติดต่อกันนานเป็นเดือนแล้ว อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังคงให้ทุกฝ่ายจับตาตัวเลขอย่างใกล้ชิดเพื่อวางแผนให้ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงกับก่อนหน้านี้เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนสั่งการเร่งรัดแจกชุดตรวจ ATK ให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงให้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยแนวทางการกระจายชุดตรวจ ATK จำนวน 8.5 ล้านชุดนั้น จะกระจายให้กรุงเทพฯ 2.4 ล้านชุด ปริมณฑลและต่างจังหวัด 5.6 ล้านชุด ส่วนอีก 5 แสนชุด จะสำรองไว้ที่ สปสช. และกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เพื่อแจกจ่ายในการลงพื้นที่ และร้านขายยาในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ยังตกหล่นซึ่งขณะนี้ องค์การเภสัชได้ทยอยส่งมอบให้กับ สปสช. แล้ว 7,068,600 ชุด กระจายทั่วประเทศกว่า 6.7 ล้านชุด และผ่าน “เป๋าตัง” แล้ว 95,727 ชุด

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังเน้นย้ำเรื่องการฉีดวัคซีนให้กับทุกกลุ่มตามแผน โดยรัฐบาลจัดหาทั้งวัคซีนหลักและวัคซีนทางเลือกจนถึงสิ้นปี 2564 รวมทั้งสิ้นจำนวน152.9 ล้านโดส ดังนั้น วัคซีนมีเพียงพออย่างแน่นอน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า วันนี้ตนลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดให้บริการฉีดวัคซีน และจุดบริการแจกชุดตรวจ ATK ณ โรงพยาบาลกลาง เพื่อนำความห่วงใยและกำลังใจจากนายกรัฐมนตรีส่งต่อถึงประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ ตลอดจนผู้ปฏิบัติหน้าที่ทุกคน ซึ่งขณะนี้ยอดฉีดวัคซีนของไทยอยู่ที่ 47,648,503 โดสแบ่งเป็นเข็มแรก 30,098,403 ราย ฉีดครบโดส (2 เข็ม) จำนวน 16,658,078 ราย และฉีดเข็ม 3 (Booster dose) แล้วจำนวน 891,243 ราย โดยในวันพรุ่งนี้(24 กันยายน) กระทรวงสาธารณสุข เตรียมฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ให้แก่ผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็ม ซึ่งมีจำนวน 3,499,802 คน

โดยประชาชนที่จะเข้ารับการฉีดจะได้รับการแจ้งข้อความ SMS ผ่านทางแอปพลิเคชันหมอพร้อม หรือลงทะเบียนที่สถานพยาบาลเดิม โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำให้ทุกฝ่ายดำเนินมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม เพื่อรับมือกับผลกระทบที่เกิดขึ้น ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม มาตรการล็อกดาวน์และการระดมฉีดวัคซีนนั้นเริ่มส่งผลอย่างเป็นรูปธรรม ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยกันทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม เรายังต้องป้องกันตัวเองตามมาตรการทางสังคม และมาตรการป้องกันตนเองแบบสูงสุดต่อไป ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : INNnews


แชร์ข่าวนี้