นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เปิดเผยว่า ในช่วงนี้ จังหวัดนครราชสีมาหลายพื้นที่ กำลังประสบปัญหาน้ำท่วม จากอิทธิพลของพายุเตี้ยนหมู่ ทำให้มีมวลน้ำสะสมจำนวนมาก ไหลหลากสร้างผลกระทบท่วมบ้านเรือนและพื้นที่เกษตรได้รับความเสียหาย แต่ในขณะเดียวกัน สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด 19 ก็ยังไม่คลี่คลาย โดยยังพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด19 รายใหม่ในจังหวัดเพิ่มอีก ซึ่งตัวเลขวันนี้ (29 กันยายน 2564) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 158 ราย เป็นการติดเชื้อกันเองในพื้นที่ 137 ราย และติดเชื้อมาจากนอกพื้นที่จังหวัด 21 ราย รวมยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 25,607 รายแล้ว โดยรักษาหาย 22,263 ราย ยังต้องรักษาตัวอยู่ 3,166 ราย และยอดเสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 178 ราย ทั้งนี้ทางจังหวัดฯ ยังเดินหน้าฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประชาชนใน 32 อำเภอ โดยมีเป้าหมายฉีดวัคซีนให้กับประชาชน อายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 2,112,381 ราย โดยฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ไปได้แล้ว 1,030,111 ราย หรือคิดเป็น 48.77 % เข็มที่ 2 ฉีดได้แล้ว 606,059 ราย หรือคิดเป็น 28.69 % เข็มที่ 3 ฉีดได้ 40,767 ราย หรือคิดเป็น 1.93 % รวมฉีดวัคซีนไปแล้ว 1,676,937 โดส
ซึ่งในเขตอำเภอเมืองนครราชสีมา รพ.มหาราชนครราชสีมา ยังเปิดบริการฉีดวัคซีนต้านโควิด 19 อย่างต่อเนื่องให้ประชาชนที่จองฉีดวัคซีนกับ รพ.มหาราชฯ ที่จุดบริการฉีดวัคซีนที่ห้องโคราชฮอลล์ ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า นครราชสีมา โดยวันนี้ (29 กันยายน 2564) เปิดให้บริการ “รอบเก็บตก” ให้กับผู้ที่มีคิวฉีดซิโนแวค เข็มที่ 1 เดือนพฤษภาคม มิถุนายน กรกฎาคม และเดือนสิงหาคม 2564 โดยให้ไปรับบริการเวลา 10.00 น. นอกจากนี้ ยังเปิดบริการสำหรับผู้ที่มีคิวฉีด เข็มที่ 1 ซิโนแวคในวันนี้ ให้รับบริการเวลา 10.00 น. กับผู้ที่มีคิวฉีด วัคซีนซิโนฟาร์ม เข็มที่ 1และ 2 ในวันนี้ ให้รับบริการเวลา 11.00 น. รวมถึง ผู้ที่มีคิวฉีด เข็มที่ 2 แอสตร้าเซเนก้าในวันนี้ ให้รับบริการเวลา 12.00 น.
แต่จะไม่รับผู้ที่วันผิดนัด และไม่รับวอล์ค อิน ส่วนการให้บริการบูสเตอร์โดส วัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ต้องรอดูปริมาณโควต้าวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าที่จะได้รับเข้ามาก่อนว่า จะมีจำนวนเท่าใด และจะเพียงพอหรือไม่ เพราะถ้าได้รับมาน้อย ก็จะจัดสรรฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ได้ลำบาก เนื่องจากจะไปกระทบยอดวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า ที่จะฉีดเข็มที่ 2 สูตรไขว้ให้กับประชาชน ซึ่งการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประชาชน ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่นำมาประกอบการพิจารณาผ่อนคลายมาตรการของ ศบค.ด้วย
โดยเมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา ศบค.ได้มีมติขยายเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร ออกไปอีก 2 เดือน หรือจนถึง 30 พฤศจิกายน 2564 และยังมีมติให้ลดระยะเวลาห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) ในช่วงเวลา 22.00-04.00 น. จากเดิมเริ่มตั้งแต่ 21.00 น.-04.00 น. รวมถึง ให้ขยายเวลาเปิดห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ตลาดสด ตลาดนัด ได้ถึง 21.00 น. จากเดิมให้ปิดก่อน 20.00 น. ส่วนห้างสรรพสินค้า ให้เปิดโรงภาพยนตร์ สปา ห้องออกกำลังกาย ฟิตเนส สระว่ายน้ำ ได้ แต่ยังไม่ให้เปิดตู้เกม เครื่องเล่น ร้านเกม สวนสนุก สระน้ำ และห้องประชุม/จัดเลี้ยง ส่วนสนามกีฬากลางแจ้ง หรือในร่มที่อากาศถ่ายเทสะดวก ให้ยืดเวลาเปิดให้บริการได้ถึง 21.00 น. จากเดิมให้ปิดภายใน 20.00 น. แต่จำกัดผู้เข้าร่วม หากเป็นกีฬาในร่ม จัดการแข่งขันได้โดยไม่มีผู้ชม หากเป็นกีฬากลางแจ้งให้มีผู้ชมได้ไม่เกิน 25% ของความจุสนาม และผู้ชมต้องได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ หรือมีผล ATK/RT-PCR เป็นลบ ภายใน 72 ชั่วโมง
