นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวถึงกรณีที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)มีมติชี้มูลคดีเรียกเงิน 5 ล้านบาท จากอธิบดีกรมน้ำบาดาลเพื่อแลกกับการผ่านงบประมาณ ขอยืนยันว่าตนไม่ได้มีการเรียกรับเงินและไม่ได้กระทำความผิดตามที่มีการกล่าวอ้าง แต่การที่ ป.ป.ช.ออกมาแถลงข่าวนั้นถือว่าเป็นการชี้นำสังคมและประจาน มีเจตนาทำลายชื่อเสียงของตนทำให้ประชาชนเข้าใจว่าตนเรียกรับเงิน ซึ่งตนทำงานการเมืองมาตั้งแต่ระดับท้องถิ่นจนถึงระดับประเทศไม่เคยมีประวัติเรื่องการทุจริตดังนั้นการกล่าวหาว่าตนเรียกรับผลประโยชน์นั้นเป็นการกล่าวหาโดยเลื่อนลอย หากประชาชนที่ไม่ทราบข้อเท็จจริงจะเชื่อว่าตนเป็นคนไม่ดีเสียหายต่อตนและวงศ์ตระกูล
ทั้งนี้ จะนำหลักฐานไปพิสูจน์ในชั้นศาล และเชื่อว่าศาลจะเปิดโอกาสให้ตนนำหลักฐาน พยานมาหักล้างอย่างเต็มที่มิใช่การกระทำเหมือน ป.ป.ช.รีบเร่งสรุปสำนวนชี้มูลโดยที่ไม่มีการนำพยานของตนที่เสนอไปมาพิจารณา โดยการที่ ป.ป.ช.แถลงข่าวว่าตนเรียกรับเงินเพื่อแลกกับการผ่านงบประมาณเป็นเรื่องตลก เพราะอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเป็นข้าราชการระดับสูงรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีอำนาจนั้น เพราะอำนาจผ่านงบประมาณนั้นเป็นอำนาจของสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 500 คน ดังนั้นข้อกล่าวหานี้เป็นข้อกล่าวหาที่ไม่ถูกต้อง ขาดเหตุผล พร้อมกันนี้ขอยืนยันว่าตนไม่ได้รู้จักกับอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลคนดังกล่าว จึงขอถามว่าคนที่ไม่รู้จักกันจะกล้าไปเรียกเงินได้อย่างไร ถ้ามีคลิปทำไมไม่เห็นเอาคลิปมาเปิดตั้งแต่วันแรก ถ้าเป็นเสียงตนจริงตนจะลาออกทันที อย่าพูดตีกินอย่างนี้ อย่าพูดไปแล้วทำให้คนอื่นเสียหาย
พร้อมยืนยันว่าการออกมาแถลงข่าวของ ป.ป.ช.นั้นไม่สามารถทำได้ และในรัฐธรรมนูญมาตรา 29 วรรคสองได้กำหนดว่าในคดีอาญาให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิดและก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้ ดังนั้นนั้นการแถลงข่าวของ ป.ป.ช.ในวันนั้นเป็นการเจตนาประจานตน ปฏิบัติต่อตนเหมือนเป็นคนกระทำความผิดไปแล้ว ดังนั้นตนจะดำเนินคดีทั้งทางเพ่งและอาญากับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่ทำให้ได้รับความเสียหาย
นอกจากนี้ จากกระแสข่าวกล่าวหาว่าตนเงไปเรียกรับเงิน 5 ล้านบาท จากอธิบดีกรมน้ำบาดาล ว่า ตั้งแต่ที่มีข่าวออกมา ตนได้มอบให้ทนายความไปแจ้งความดำเนินคดีทันทีแต่ในทางกลับกันอธิบดีคนที่ถูกเรียกเงิน 5 ล้านบาท ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ยังไม่มีการไปแจ้งความดำเนินคดีกับตนเลย จึงมีข้อสังเกตว่าหากข้าราชการระดับสูงโดนเรียกรับเงินจะมาพูดลอย ๆ ไม่ได้ ซึ่งเหตุที่ยังไม่ไปแจ้งความตนสันนิษฐานว่าเพราะไม่มีการเรียกเงินเกิดขึ้นจริงและไม่มีหลักฐาน เพราะหากไปแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจจะถามว่ามีประจักษ์พยานอะไร
