ก่อนเกม โธมัส ทูเคิล คอนเฟิร์มว่า โรเมลู ลูกากู, ติโม แวร์เนอร์ และ คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย ต่างก็ไม่มีชื่อในเกมนี้เพราะผลมีตรวจโควิดเป็นบวก
เชลซี ออกสตาร์ทได้ดีและเกือบได้ประตูตั้งแต่ต้นเกมจากจังหวะที่ จอร์จินโญ แทงให้ รีซ เจมส์ ดาวซัลโวของทีมหลุดไปได้สับไก
เอฟเวอร์ตัน ที่มาพร้อมกันแผนหลัง 5 ถอยกันลงไปตั้งรับลึกมาก เปิดโอกาสให้เจ้าบ้านสร้างโอกาสได้อยู่เรื่อยๆ
ผ่านครึ่งชั่วโมงแรก เชลซี ครองบอลไปถึง 80% แต่ด้วยเหตุใดไม่ทราบพวกเขายังไม่สามารถส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายได้เสียที
จบครึ่งแรกกันไปด้วยสกอร์ 0-0
พิคฟอร์ด มีจังหวะได้เซหปลายมือจากลูกยิงของ เม้าท์ นาทีที่ 50
แจร์ราด แบรนธเวธ ของ เอฟเวอร์ตัน ที่ได้ประเดิมออกสตาร์ทเป็นครั้งแรกใน พรีเมียร์ลีก เกมนี้ ทำผลงานได้น่าประทับใจทีเดียว เช่นเดียวกับ เบน ก็อดฟรีย์ ที่มีจังหวะเติมสวยๆให้เห็นตั้งแต่ครึ่งแรกแล้ว
นาทีที่ 70 เชลซี ขึ้นนำจนได้จาก เมสัน เม้าท์ – เริ่มต้นที่ความผิดพลาดของ ดูคูเร เสียบอลให้ผู้เล่น เชลซี เล่นกันเร็วขึ้นมาถึง เจมส์ แทงให้ เม้าท์ หลุดไปล่อเป้ากับ พิคฟอร์ด 1-0
เฮได้แปปเดียว เอฟเวอร์ตัน ไล่มาเป็น 1-1 จาก แบรนธเวธ ที่สลัดตัวประกบเข้าไปชาร์จลูกเปิดของ แอนโธนี กอร์ดอน ได้แบบง่ายเกินคาด
เอฟเวอร์ตัน ดูจะเล่นได้ดีขึ้นเรื่อยๆและรับมือกับการกดดันของ เชลซี ได้อย่างยอดเยี่ยม
ลูอิส ด็อบบิน สร้างความอันตรายได้หลายหนกับจังหวะสวนกลับ แต่น่าเสียดายที่ยังทำได้ไม่ดีพอที่จะส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย
ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : sanook
