ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์โควิด-19 จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งยอดจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา กลับมาพุ่งสูงขึ้นถึง 136 ราย จนทำนิวไฮในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา กระทั่งเริ่มกลับสร้างความหวั่นไหวตื่นตระหนกให้กับชาวเพชรบูรณ์อีกครั้ง ล่าสุดนายกฤษณ์ คงเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า หากดูสถานการณ์ภาพรวมทั้งประเทศจะพบว่า จำนวนผู้ติดเชื้อสูงขึ้น ขณะเดียวกันแนวโน้มต่อไปทางกระทรวงสาธารณสุขชี้ว่าโรคโควิด-19 จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ส่วนเพชรบูรณ์สถานการณ์ยังจัดอยู่ในระดับสามารถดูแลได้ โดยในจำนวนผู้ติดเชื้อเหล่านี้เฉลี่ยไปตามอำเภอต่างๆ ซึ่งตอนนี้เรามีคลัสเตอร์เกิดขึ้นหลายแห่ง แต่อาการผู้ป่วยติดเชื้อเหล่านี้ระยะหลังๆ นอกจากอาการไม่รุนแรงแล้ว แค่ 4-5 วันก็อาการก็หายแล้ว
ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า แต่ที่พบผู้ติดเชื้อเยอะขึ้นเพราะเราตรวจเชิงรุก โดยเฉพาะในเด็กนักเรียนก่อนจะเปิดเรียน ทำให้เราพบผู้ติดเชื้อค่อนข้างมาก ก่อนหน้านี้ผมได้สั่งกำชับทางนายอำเภอให้ควบคุมการติดเชื้อให้ได้ โดยเฉพาะการจำกัดวงหากมีผู้เสี่ยงสัมผัสให้นำมาตรวจหมด และในกลุ่มคนเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ แต่หลังตรวจ ATK แล้วพบมีเชื้อจึงนำเข้าสู่กระบวนการรักษาทันที จึงทำให้ยอดโชว์ขึ้นมา นอกจากนี้ผลการตรวจก็ไม่ใช่เจอแห่งเดียวหรือคลัสเตอร์ใหญ่ๆเพียงที่เดียว แต่พบกระจายๆไปทั่วทั้งจังหวัด ซึ่งเชื่อว่าหลังจากมีการกระจายตรวจเชิงรุกเป็นวงกว้างแล้ว จำนวนผู้ติดเชื้อแนวโน้มน่าจะลดลง
“ต้องยอมรับว่ายอดนิวไฮเมื่อวานนี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนให้ชาวเพชรบูรณ์ ต้องกลับมาเน้นเรื่องมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัดโดยส่วนตัวแล้วค่อนข้างเป็นห่วง เพราะจากการสังเกตพบว่าชาวเพชรบูรณ์โดยเฉพาะในเมืองค่อนข้างการ์ดตกกันมาก หลังจากได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วการรักษามาตรการตัวแลตนเองค่อนข้างน้อยลง เกิดความหละหลวมประมาท ไม่ค่อยคำนึงถึงมาตรการควบคุมการติดและแพร่กระจายเชื้อ ซึ่งผู้ที่ได้รับวัคซีนไปแล้วก็ไม่ได้หมายความจะปลอดเชื้อก็ยังมีโอกาสที่จะติดเชื้อได้เพียงแต่อาการไม่รุนแรง ซึ่งก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อเมื่อวานนี้กลับมาเพิ่มสูงขึ้นอย่างเป็นนัย”นายกฤษณ์กล่าว
ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : INNnews
