“ชัชชาติ” ขึ้นรถอีวีแห่รอบกรุงมั่นใจเดินมาถูกทาง

275
แชร์ข่าวนี้

บรรยากาศการหาเสียงวันสุดท้ายของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.หมายเลข 8 ได้ขึ้นรถ EV แห่หาเสียงรอบกรุงเทพฯ โดยเริ่มต้นจากถนนบรรทัดทอง และเข้ามายังวงเวียนใหญ่เพื่อสักการะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนไปยังจุดอื่นๆทั่วกรุงเทพฯ พร้อมกล่าวถึงการหาเสียงวันสุดท้าย ว่า วันนี้คงเป็นเพียงการย้ำเตือนประชาชน ให้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ ดีใจและมั่นใจว่าเดินมาถูกทาง เชื่อว่ามีคำตอบที่พร้อมให้กับคนกรุงเทพฯ ที่สามารถทำงานต่อได้

 

 

ส่วนจะได้เดินต่อไปได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับคนกรุงเทพฯพรุ่งนี้ ถ้าให้ตนทำงานตนก็พร้อมจะเดินต่อและพาทุกคนเดินไปด้วยกัน พร้อมกล่าวว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่สนุกและมีความประทับใจที่ได้เจอเพื่อนใหม่ และทุกคนที่มาร่วมเดินเส้นทางนี้กับตน

พรุ่งนี้เป็นวันสำคัญที่จะมีผลต่อกรุงเทพฯ ก็อยากให้ประชาชนตื่นแต่เช้าเพื่อไปใช้สิทธิเลือกตั้งกันเลือกใครก็ได้ เลือกคนที่ไว้ใจ คนที่เชื่อใจ แต่อยากให้ออกไปเยอะๆ เพื่อให้คนที่ได้รับเลือกตั้งได้ฉันทามติ ให้ลุกขึ้นต่อสู้เพื่อประโยชน์ของคนกรุงเทพฯ ส่วนตนเองจะออกไปใช้สิทธิตั้งแต่ 08.00 น.

สำหรับเรื่องของการจัดเก็บป้ายนั้น ก็จะพยายามรีบเก็บ เพราะทีมงานของตนเองก็อยากได้กระเป๋า และจะนำมาใช้ในทีมงานของตนเองเป็นหลัก

นอกจากนี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.หมายเลข 8 ยังได้กล่าวถึงกลุ่มประชาชนที่มาให้กำลังใจจำนวนมากในช่วงหาเสียงเมื่อคืนที่ผ่านมา ว่า ตนมองเป็นการตื่นตัวในการเลือกตั้ง ถือว่า เป็นสัญลักษณ์ที่ดีในระบอบประชาธิปไตย ที่เห็นคนตื่นตัวกับการเลือกตั้งพอๆกับการตื่นตัวที่ได้เห็นดารา ซึ่งตนมองว่าไม่ใช่เพราะตัวของตนเอง แต่เป็นกระแสของการเลือกตั้ง ซึ่งหลังจากเสร็จเลือกตั้ง คงไม่มีกระแสเช่นนี้แล้ว

สำหรับความมั่นใจนั้น ตนไม่ได้มั่นใจว่าชนะหรือแพ้ เพราะเป็นเรื่องของประชาชนที่จะตัดสินใจ ตนเคารพประชาชน แต่ตนมั่นใจในแนวทางที่ตนเลือกเดิน ในแนวทางที่หลายคนตั้งคำถามเรื่องความเป็นอิสระ ซึ่งวันนี้พิสูจน์แล้วว่าเราทำงานได้เต็มที่ เดินวันแรกยังไม่แน่ใจว่าจะไปรอดไหม แต่สุดท้ายนำคนเป็นหมื่นคนมาร่วมเดินไปด้วยกันได้ และไม่ทีใครคิดเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง ตนไม่เคยถามในทีมว่า ชอบพรรคไหน มีแนวติดทางการเมืองใหญ่อย่างไร แต่ทุกคนมีความคิดร่วมกันคืออยากทำให้เมืองดีขึ้น นี่คือตัวอย่างของการทำเมืองที่เป็นอิสระ เราเป็นนักการเมืองแต่เราไม่เอาความขัดแย้งเข้ามาเกี่ยวข้อง นี่เป็นสิ่งที่ตนมั่นใจว่าตนนำได้โดยที่ไม่ต้องเป็นพรรคการเมือง

ส่วนที่หลายคนมองว่าไม่มีสมาชิกสภากรุงเทพฯ(ส.ก.)ในมือจะทำงานไม่ได้นั้น ตนมองว่าเป็นสิทธิของแต่ละคนที่จะสื่อสาร แต่ตนมองว่าตนต้องทำงานกับส.ก.ทุกคนให้ได้ นี่เป็นเหตุผลที่ตนลงอิสระ ทั้งนี้ตนมองว่าความเป็นอิสระเป็นเรื่องที่ดี ไม่ต้องไปบริหารความขัดแย้ง มีส.ก.50คน ก็ต้องทำงานกับทั้ง50คนได้ แต่ถ้าเรามีพรรคก็อาจจะเกิดความเหลื่อมล้ำ และเกิดปัญหาตามมาอีกได้

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : INNnews


แชร์ข่าวนี้