“ฟลุค จิระ” เอาจริง จ่อฟ้องคนคอมเมนต์บูลลี่ลูกสาวแรง เคสนี้อยากให้ได้บทเรียน

234
แชร์ข่าวนี้

เรียกว่าปรี๊ดขึ้นมาทันที สำหรับนักแสดงหนุ่ม ฟลุค-จิระ ด่านบวรเกียรติ เมื่อได้เห็นคอมเมนต์จากชาวเน็ตที่เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ลูกสาวคนเล็ก น้องจูน่า ด้วยคำพูดที่แรงๆ ในทำนองว่าทำไมหน้าเหมือนกะเทยควาย ทำเอาภรรยาสาว แอปเปิ้ล สีสะเหงียน ทนไม่ไหวถึงกับของขึ้นอีกคน

ล่าสุด ฟลุค จิระ ได้ออกมาเปิดใจในงานบวงสรวงละครเรื่อง เล่ห์ลุนตยา ถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันจะดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด จะได้กลานเป็นเคสตัวอย่างที่ต้องได้รับบทเรียนจากสิ่งที่ทำบ้าง

“มันเป็นอะไรที่เรารับไม่ได้ที่สุดแล้ว ตั้งแต่เราอยู่ในสังคมโซเชียลมา ปกติก็จะมีแต่คนวิจารณ์เรา พอมีลูกก็ถูกวิจารณ์ทำไมเลี้ยงลูกอย่างนู้นอย่างนี้ ซึ่งมันก็มีทั้งถูกและผิด ตัวเราก็ไม่ได้ไปอธิบายว่าแบบนี้เราทำถูกแล้ว หรือสิ่งที่เราเชื่อถูกแล้ว จะว่าอะไรก็ว่าไป ผ่านไปได้ตลอดครับ แต่พออยู่ดีๆ มาว่าลูกเรา ซึ่งเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย เหมือนคนยืนอยู่เฉยๆ แล้วโดนด่า โดนด่าแบบไม่มีเหตุผลด้วย เราเลยรู้สึกทนไม่ได้”

“คือสมมติลูกเราซนมาก ทำไมลูกซนเหมือนลิงเลย อันนี้ก็พอทนได้นะ ก็ลูกเราซนจริงๆ แต่นี่มาพูดว่าลูกหน้าเหมือนกะเทยควายเลย คือไม่ใช่กะเทบหรือควายไม่ดีนะครับ แต่อยู่ดีๆ มาด่าด้วยคำที่ไม่มีเหตุผลอะ มันเลยรับไม่ได้ตรงนี้”

เห็นว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดน ?
“ส่วนมากจะบูลลี่โดนทุกอย่างครับ หน้าตา เด็กนี่จะโดนเยอะ อย่างดั้งแหมบ บางทีก็บอกทำไมปล่อยให้อ้วนจัง ทำไมขาโก่ง จะเป็นเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกหมดเลย”

เคยคิดไหมว่า พอโดนแบบนี้บ่อยๆ ก็ทำให้ไม่อยากลงรูปลูกเลย ?
“จริงๆ ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของผมที่จะต้องเปลี่ยนไลฟ์สไตล์นะ ผมรู้สึกว่าทุกวันนี้ใครจะมีไลฟ์สไตล์แบบไหนในสื่อโซเชียลก็ทำไปเลยถ้ามันสร้างสรรค์และจรรโลงต่อตัวเองและสังคม แต่ถ้ามาคิดว่าถ้าเราลงรูปลูกแล้วลูกจะโดนด่า ผมว่าเราเปลี่ยนที่ตัวคนคอมเมนต์ดีกว่า เปลี่ยนไปคอมเมนต์แบบสร้างสรรค์ดีกว่า”

“และผมก็รู้สึกว่าถ้าผมจะลบหรือบล็อกก็ไม่เป็นไรด้วย เพราะเขาเข้ามาไม่ได้สร้างสรรค์ และสุดท้ายคนพวกนี้ก็จะโดนสังคมที่อยู่รอบข้างประนามเอง เช่น มีคอมเมนต์แบบนี้มา คนก็จะไปด่าคนนี้นะ ไม่ได้มาด่าเรา”

แล้วในแง่ของกฎหมาย เราได้ทำอะไรไหม ?
“มีแน่นอนครับ เราเก็บเป็นเคสกรณีตัวอย่างไว้แล้วครับ ผมรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่คนเหล่านี้จะได้รับบทเรียน เอาแบบนี้ดีกว่า ปกติเราเหมือนมีหน้าบ้านเรา แล้วคนเดินมาถุยน้ำลายใส่เรา แล้วเขาก็เดินไป สุดท้ายเขาก็ไม่ได้รับอะไรเลยนะ เขาก็เดินไปถุยน้ำลายบ้านอื่นต่อ แต่ทุกวันนี้มันก็อาจจะดีนะ ถ้าเรากวักมือเรียกเขามา บอกเขาให้มาเสียค่าปรับ ต่อไปเขาจะได้ไม่ต้องไปถุยน้ำลายบ้านอื่นอีก”

จะดำเนินการเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเลยใช่ไหม ?
“ดำเนินการสิครับ ยังไม่ได้ฟ้องครับ แต่ตอนนี้กำลังหาข้อมูลอยู่ คิดว่าเอาแน่ครับ ต่อไปนี้ถ้ามีใครมาว่าเราอีก เขาจะได้รู้ว่าทุกการกระทำของเขามันมีราคานะ เหมือนตอนนี้ผมเชื่อว่าชาวเน็ตทุกคนเขาก็มีสติมากขึ้นนะครับ กับการที่จะมาวิพากษ์วิจารณ์ด่านักแสดง จริงๆ วิพากษ์วิจารณ์ได้นะครับ ถ้าอยู่ในเรื่องในราว ถ้าอยู่ดีๆ ด่าทอ หรือหมิ่นอะไรแบบนี้ ก็คิดว่าจะต้องโดนบ้างครับ”

ถ้าเขามาขอโทษ ขอร้องไม่ให้เอาเรื่อง เราจะใจอ่อนไหม ?
“ถ้าถามผมนะ ผมก็ไม่ได้คนใจร้ายอะไร แต่ถ้าปล่อยมันผ่านไป เขาก็จะเหมือนว่ามันไม่มีอะไร ก็ทำอีก แต่ถ้าเขาได้รับบทเรียนอะไรไปบ้าง แม้ว่าจะโดนค่าปรับหรือไม่โดน แต่ผมว่าผมก็ได้ทำอะไรบ้างแล้ว”

คนที่มาคอมเมนต์เป็นคนเดิมๆ ไหม ?
“ไม่ใช่คนเดิมเลยครับ ขาจรหมดเลยครับ อย่างที่บอกเลยคือมาถ่มน้ำลายปุ๊บ แล้วก็เดินผ่านไป และส่วนมากก็เป็นอวตารหมด หน้าตา ชีวิต รูปร่าง ไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร เหมือนทำขึ้นมาเพื่อด่าคน”

แต่ก็มั่นใจว่าตามตัวเจอใช่ไหม ?
“อันนี้ก็ต้องรอดูครับ ผมคิดว่าหลายเคสเขาก็เจอกันนะครับ”

ด้วยความที่ภรรยาเราเป็นคนขี้นอยด์อยู่แล้ว พอเจอเหตุการณ์แบบนี้ไม่ยิ่งไปกันใหญ่เหรอ ?
“เขาไม่นอยด์แล้วครับ ตอนนี้เขาขึ้นแล้วครับ (หัวเราะ) จริงๆ แล้วเขาขึ้นมาก่อนแล้วครับ เพียงแต่ว่าผมเห็นแล้วผมรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ผมรับไม่ได้อะ ปกติผมไม่เคยโกรธใครนะครับ ไม่เคยถึงขั้นโมโหขนาดนี้ แต่ผมรู้สึกว่าเด็กก็ไม่ได้รู้อะไร แล้วเด็กก็ไม่ใช่เด็กโตนะ เด็กขวบเดียวเอง อยู่ดีๆ เขาก็โดนด่า แบบนี้ผมรู้สึกว่าคนพิมพ์นี่หาเรื่องแล้วนะ มันไม่มีเหตุผลเกินไป”

ได้มีการติดต่อส่วนตัวไปถามไหมว่าทำไมถึงพิมพ์มาแบบนี้ ?
“ไม่ครับ เดี๋ยวรอทีเดียวเลยครับ ไม่คุยครับ เดี๋ยวค่อยว่ากัน มันจะกลายเป็นการที่เราพูดกับเขา เขาพูดกับเรา เราคิดว่าเรื่องเป็นแบบนี้ ก็ไปดำเนินการสิ่งนี้เลย”

จะฟ้องแค่คนเดียว หรือฟ้องย้อนหลังหมดเลย ?
“เดี๋ยวไปหาดูก่อน ตอนนี้เท่าที่ภรรยาหาดูก็ได้ประมาณ 3 เคส ผมเลยบอกหามาเยอะๆ เลย มันจะทำให้คนตระหนักได้รู้ว่าการอยู่ร่วมกันในสังคมแบบใหม่ที่เราไม่เคยเจอเหมือน 10-20 ก่อน มันไม่เหมือนกันแล้วนะ ที่จะมาด่าใครแว๊บๆ แล้วไม่มีใครรู้ นี่มันออนไลน์แล้วทุกคนรู้หมด แล้วมาด่าแบบนี้ ควรได้รับผลกรรมแบบไหนอะ เราก็อยากจัดการให้มันเกิดขึ้นให้ได้”

ตอนนี้ใจเย็นขึ้นหรือยัง ?
“พอสัมภาษณ์ก็ขึ้นไง (หัวเราะ) ผมอะใจเย็นนะ ถ้าใจร้อนอาจจะทักเขาไปแล้ว แต่ผมรู้สึกว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะไปทักหาเขา ก็จัดการเลยดีกว่า”

เขาลบข้อความไปหรือยัง ?
“ยังไม่แน่ใจนะครับ แต่ผมแคปไว้หมดแล้ว ยังไม่มีทักมาขอโทษครับ ผมเชื่อว่าใครที่ได้ดูสัมภาษณ์นี้ ไม่จำเป็นต้องเป็นดาราก็ได้ แต่โดนคนมาว่าคนในครอบครัว ต้องมีอารมณ์เป็นธรรมดาอยู่แล้ว เพียงแต่ถ้าผ่านจุดนี้ไป อยากให้สังคมได้พิจารณารอบๆ ตัวเองบ้างว่าเวลาพิมพ์อะไรออกไป ต้องระมัดระวังมากขึ้น ใจเขาใจเราครับ”

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : sanook


แชร์ข่าวนี้