เปิดตัว “MacBook Air” แบบใหม่หมดที่อัดฉีดพลังแรงโดยชิป M2 ใหม่

180
แชร์ข่าวนี้

วันนี้ Apple เปิดตัว MacBook Air ที่ออกแบบใหม่ในทุกรายละเอียด และ MacBook Pro 13 นิ้ว รุ่นอัปเดตโดยที่ทั้งคู่มีชิป M2 ใหม่เป็นขุมพลังที่จะยกระดับประสิทธิภาพและความสามารถสุดล้ำของชิป M1 ให้เหนือชั้นยิ่งขึ้นไปอีก

เริ่มจาก MacBook Air ซึ่งนำทุกสิ่งที่ผู้ใช้ชื่นชอบเกี่ยวกับแล็ปท็อปที่ขายดีที่สุดในโลกมาพัฒนาให้ดีขึ้นไปอีกระดับ ทั้งดีไซน์ใหม่ที่บางเฉียบและประสิทธิภาพที่ทรงพลังยิ่งขึ้น นอกจากนี้ MacBook Air ยังมาพร้อมจอภาพ Liquid Retina ขนาด 13.6 นิ้ว, กล้อง FaceTime HD ความละเอียด 1080p, ระบบเสียง 4 ลำโพง, แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานสูงสุด 18 ชั่วโมง1 และการชาร์จแบบ MagSafe โดยที่วันนี้มีให้เลือกถึง 4 สี ได้แก่ สีเงิน สีเทาสเปซเกรย์ สีมิดไนท์ และสีสตาร์ไลท์ ส่

วนแล็ปท็อปที่ขายดีที่สุดในโลกเป็นอันดับสองอย่าง MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ก็มาพร้อมชิป M2 ด้วยเช่นกันจึงมีประสิทธิภาพที่แรงเหลือเชื่อ และยังมีหน่วยความจำแบบรวมขนาดสูงสุด 24GB, การเร่งความเร็ว ProRes และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานสูงสุด 20 ชั่วโมง2 ทั้งหมดนี้ในดีไซน์ที่กะทัดรัด MacBook Air ใหม่ และ MacBook Pro 13 นิ้ว รุ่นอัปเดตจะเข้ามาเสริมทัพ MacBook Pro รุ่น 14 นิ้ว และ 16 นิ้ว พร้อมชิป M1 Pro และ M1 Max ที่ทรงพลังยิ่งกว่า ทำให้เรามีกลุ่มผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊ก Mac ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยแล็ปท็อปทั้งสองรุ่นจะวางจำหน่ายเร็วๆ นี้

“เราตื่นเต้นอย่างยิ่งที่ได้นำชิป M2 ใหม่มาอยู่ในแล็ปท็อปที่เป็นที่นิยมที่สุดในโลกสองรุ่นอย่าง ซึ่งก็คือ MacBook Air และ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว” Greg Joswiak รองประธานอาวุโสฝ่าย Worldwide Marketing ของ Apple กล่าว “MacBook Air ได้รับการออกแบบขึ้นใหม่หมดโดยมีชิป M2 เป็นหัวใจสำคัญ จึงทั้งบางลง เบาลง และเร็วขึ้น ทั้งยังมาพร้อมจอภาพที่ใหญ่ขึ้น กล้องที่ดีขึ้น รวมถึงแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ตลอดทั้งวันใน 4 สีสวยงาม ซึ่งมีเฉพาะ Apple Silicon เท่านั้นที่ให้คุณสร้างโน้ตบุ๊กที่บางเบาเช่นนี้ได้ในดีไซน์แบบไม่มีพัดลมโดยที่ยังคงมีประสิทธิภาพและความสามารถครบเครื่อง และชิป M2 ก็มาอยู่ใน MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ด้วยเช่นกัน จึงมีประสิทธิภาพที่แรงเหลือเชื่อ พร้อมด้วยการเร่งความเร็ว ProRes, หน่วยความจำขนาดสูงสุด 24GB และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานสูงสุด 20 ชั่วโมง ทำให้โน้ตบุ๊กระดับโปรที่พกพาง่ายที่สุดของเรานั้นดียิ่งขึ้นไปอีก”

ชิป M2 อัดฉีดพลังแรงให้กับ Mac รุ่นยอดนิยมของ Apple

ชิป M2 คือจุดเริ่มต้นเจเนอเรชั่นที่ 2 สำหรับชิปตระกูล M ของ Apple และพัฒนาต่อยอดมาจากคุณสมบัติที่โดดเด่นของชิป M1 เรียกได้ว่าชิปใหม่นี้มีทั้งการประหยัดพลังงานชั้นแนวหน้าของวงการ สถาปัตยกรรมหน่วยความจำแบบรวม และเทคโนโลยีแบบเฉพาะ

ซึ่งช่วยยกระดับประสิทธิภาพและเพิ่มขีดความสามารถให้กับโน้ตบุ๊ก Mac รุ่นยอดนิยมของ Apple นั่นคือ MacBook Air และ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ส่วนจุดเด่นของชิป M2 นั้นอยู่ที่ CPU แบบ 8-core เจเนอเรชั่นถัดไปที่ล้ำหน้ายิ่งขึ้นทั้งคอร์ด้านประสิทธิภาพและคอร์ด้านประหยัดพลังงาน รวมถึง GPU เจเนอเรชั่นถัดไปของ Apple ซึ่งวันนี้มีสูงสุด 10 คอร์ หรือมากกว่าชิป M1 สองคอร์ ยิ่งกว่านั้นชิป M2 ยังมีแบนด์วิดท์สำหรับหน่วยความจำแบบรวม 100GB/s และรองรับหน่วยความจำแบบรวมขนาดสูงสุด 24GB ที่รวดเร็ว

จึงสามารถรับมือกับเวิร์กโหลดที่ใหญ่ขึ้นและซับซ้อนขึ้นได้อย่างง่ายดาย และชิป M2 ยังออกแบบมาเพื่อเพิ่มความเร็วให้กับเวิร์กโฟลว์ด้านวิดีโออย่างชัดเจนโดยการเพิ่มมีเดียเอนจิ้นเจเนอเรชั่นถัดไป พร้อมด้วยเอนจิ้นวิดีโอ ProRes ที่จะเร่งความเร็วให้กับการเข้ารหัสและถอดรหัสด้วยฮาร์ดแวร์ ทำให้ระบบที่ใช้ชิป M2 สามารถเล่นวิดีโอระดับ 4K และ 8K ได้หลายสตรีมยิ่งขึ้น

apple-wwdc22-macbook-air-m2-p

MacBook Air ใหม่หมดทุกรายละเอียด ในดีไซน์ที่มีชิป M2 เป็นหัวใจสำคัญ

MacBook Air ได้รับการออกแบบขึ้นใหม่โดยมีชิป M2 เป็นหัวใจสำคัญ และมาในดีไซน์ใหม่ที่บางเฉียบไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ด้วยความบางเพียง 11.3 มม. และน้ำหนักเพียง 1.24 กก. อีกทั้งยังเป็นตัวเครื่องชิ้นเดียวแบบ Unibody อันทนทานซึ่งทำจากอะลูมิเนียมทั้งหมด จึงให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่งสุดๆ เพื่อการใช้งานที่ยาวนาน

apple-wwdc22-macbook-air-4up-

และในดีไซน์ที่บางและเบานี้ยังผสานรวมส่วนประกอบต่างๆ เข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพจนทำให้ขนาดโดยรวมลดลงอย่างน่าทึ่งถึง 20% ส่วนชิป M2 นั้นก็โดดเด่นเรื่องการประหยัดพลังงาน จึงสามารถใส่ความสามารถทั้งหมดของ MacBook Air ไว้ในดีไซน์แบบไม่มีพัดลมที่ทำงานเงียบได้ และนอกเหนือจากสีเงินและเทาสเปซเกรย์แล้ว วันนี้ MacBook Air ยังวางจำหน่ายใน 2 สีใหม่อย่างมิดไนท์และสตาร์ไลท์ด้วย

apple-wwdc22-macbook-air-head
apple-wwdc22-macbook-air-port

MagSafe กลับมาสู่ MacBook Air ช่วยให้ผู้ใช้มีพอร์ตเฉพาะสำหรับการชาร์จที่ต่อง่าย และยังปกป้อง MacBook Air ขณะเสียบปลั๊กอยู่ด้วย เพราะสายชาร์จจะหลุดออกอย่างรวดเร็วหากถูกดึงโดยไม่ตั้งใจ

apple-wwdc22-macbook-air-mags

และ MacBook Air ยังมีพอร์ต Thunderbolt จำนวน 2 พอร์ตสำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมหลายประเภท และช่องต่อหูฟัง 3.5 มม. ที่รองรับหูฟังที่มีค่าความต้านทานสูง นอกจากนี้ Magic Keyboard ยังมาพร้อมแถวปุ่มฟังก์ชั่นแบบเต็มขนาดและ Touch ID รวมถึงแทร็คแพด Force Touch ชั้นแนวหน้าของวงการที่มีขนาดใหญ่ด้วย

apple-wwdc22-macbook-air-keyb

จอภาพ Liquid Retina ขนาด 13.6 นิ้ว ใหม่

MacBook Air ใหม่มาพร้อมจอภาพ Liquid Retina ขนาด 13.6 นิ้วที่สวยสะดุดตา ซึ่งขยายไปใกล้ขอบด้านข้างมากขึ้น และขึ้นไปจนถึงบริเวณรอบกล้องเพื่อให้มีพื้นที่สำหรับแถบเมนู และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือจอภาพที่ใหญ่ขึ้นพร้อมขอบจอที่บางลงมาก ช่วยให้ผู้ใช้มีพื้นที่บนหน้าจอมากขึ้นสำหรับเต็มอิ่มกับรายละเอียดที่น่าทึ่งของคอนเทนต์ ด้วยความสว่างที่สูงถึง 500 นิต ซึ่งสว่างกว่ารุ่นก่อน 25% นอกจากนี้ จอภาพใหม่ยังรองรับการแสดงสีสัน 1 พันล้านสี ทั้งรูปภาพและภาพยนตร์จึงดูสดใสสมจริง

 apple-wwdc22-macbook-air-liqu

 กล้อง FaceTime HD ความละเอียด 1080p และระบบเสียง 4 ลำโพง

MacBook Air มาพร้อมกล้อง FaceTime HD ความละเอียด 1080p ใหม่ที่มีเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ขึ้น และพิกเซลที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทำให้มีความละเอียดและประสิทธิภาพในสภาวะแสงน้อยสูงขึ้น 2 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ซึ่งเมื่อรวมเข้ากับพลังการประมวลผลของโปรเซสเซอร์รับสัญญาณภาพที่ล้ำสมัยของชิป M2 แล้ว รับรองเลยว่าผู้ใช้จะดูดีขณะวิดีโอคอลแน่นอน

untitled-2

MacBook Air ยังมีระบบเสียง 4 ลำโพงด้วย ซึ่งการจะใส่ไว้ในตัวเครื่องที่บางขนาดนี้ จำเป็นต้องรวมลำโพงและไมโครโฟนเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งอยู่ระหว่างคีย์บอร์ดและจอภาพโดยที่ยังคงสามารถสร้างประสบการณ์ด้านเสียงที่ดียิ่งขึ้นด้วย โดยมีชุดไมโครโฟน 3 ตัวจับเสียงที่ชัดใสโดยใช้อัลกอริทึมแบบบีมฟอร์มิ่งอันล้ำสมัย ในขณะที่ลำโพงสามารถแยกเสียงสเตอริโอได้ดียิ่งขึ้นและให้เสียงร้องที่ชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ MacBook Air ยังรองรับระบบเสียงตามตำแหน่งเพื่อการฟังเพลงและดูภาพยนตร์ที่เต็มอิ่มสมจริงด้วย Dolby Atmos

untitled-3

ประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นใน MacBook Air ชิป M2 ยกระดับประสิทธิภาพของ MacBook Air ให้เหนือชั้นไปอีกขั้น

  • เวิร์กโหลดหนักๆ อย่างการตัดต่อไทม์ไลน์ที่ซับซ้อนใน Final Cut Pro มีประสิทธิภาพเร็วขึ้นสูงสุดเกือบ 40% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และเร็วขึ้นสูงสุด 15 เท่า สำหรับลูกค้าที่ยังไม่ได้อัปเกรดเป็น Apple Silicon
  • การใส่ฟิลเตอร์และเอฟเฟ็กต์ในแอปอย่าง Adobe Photoshop เร็วขึ้นกว่าเมื่อก่อนสูงสุด 20%  และเร็วขึ้นสูงสุด 5 เท่า สำหรับลูกค้าที่ยังไม่ได้อัปเกรดเป็น Apple Silicon
  • ถึงแม้จะมีจอภาพใหญ่ขึ้นและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่ MacBook Air ยังคงมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานตลอดทั้งวันเช่นเดิมโดยสามารถเล่นวิดีโอได้นานสูงสุด 18 ชั่วโมง

apple-wwdc22-macbook-air-fina

 ตัวเลือกใหม่ในการชาร์จ

MacBook Air มีตัวเลือกในการชาร์จให้หลายแบบ ซึ่งรวมถึงอะแดปเตอร์แปลงไฟขนาดกะทะรัด 35 วัตต์แบบใหม่หมดที่มาพร้อมพอร์ต USB-C จำนวน 2 พอร์ต เพื่อให้ผู้ใช้ชาร์จ 2 อุปกรณ์พร้อมกันได้ และยังเป็นครั้งแรกที่ MacBook Air รองรับการชาร์จเร็ว ซึ่งสามารถชาร์จได้สูงสุด 50% ในเวลาเพียง 30 นาทีด้วยอะแดปเตอร์แปลงไฟ USB-C ขนาด 67 วัตต์ที่มีจำหน่าย

 apple-wwdc22-35w-dual-usb-c-p

MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว พร้อมชิป M2

ผู้ใช้ต่างชื่นชอบประสิทธิภาพของ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ที่มาในดีไซน์กะทัดรัด และวันนี้เมื่อมีชิป M2 โน้ตบุ๊กระดับโปรที่พกพาง่ายที่สุดของ Apple ก็มีขีดความสามารถเพิ่มมากขึ้นในขนาดที่พอเหมาะเช่นเดิม

  • ด้วย CPU แบบ 8-core และ GPU แบบ 10-core ที่เร็วยิ่งขึ้น การทำงานกับไฟล์ภาพแบบ RAW ในแอปอย่าง Affinity Photo จึงเร็วขึ้นเกือบ 40% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และเร็วขึ้นสูงสุด 3.4 เท่า สำหรับลูกค้าที่อัปเกรดมาจากรุ่นที่ไม่ใช่ Apple Silicon
  • การเล่นเกมที่มีกราฟิกสวยงามสมจริงอย่าง Baldur’s Gate 3 นั้นเร็วขึ้นถึงเกือบ 40% เมื่อเทียบกับ MacBook Pro 13 นิ้ว รุ่นก่อนหน้า และเร็วขึ้นสูงสุด 3.3 เท่า สำหรับลูกค้าที่อัปเกรดมาจากรุ่นที่ไม่ใช่ Apple Silicon
  • ระบบระบายความร้อนแบบแอ็คทีฟใน MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สามารถคงประสิทธิภาพการทำงานระดับโปรได้อย่างต่อเนื่อง
  • MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว มาพร้อมชิป M2 ที่รองรับหน่วยความจำแบบรวมขนาดสูงสุด 24GB พร้อมด้วยแบนด์วิดท์หน่วยความจำที่มากขึ้น 50% ช่วยให้การทำงานแบบมัลติทาสก์และการทำงานกับชิ้นงานใหญ่ๆ ลื่นไหลสุดๆ
  • มีเดียเอนจิ้นของชิป M2 ที่รองรับการเข้ารหัสและถอดรหัส ProRes ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเล่นวิดีโอ ProRes ระดับ 4K ได้สูงสุด 11 สตรีม และ 8K สูงสุด 2 สตรีม และสามารถแปลงโปรเจ็กต์วิดีโอเป็น ProRes ได้เร็วขึ้นกว่าเมื่อก่อนถึงเกือบ 3 เท่า13
  • MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว มีระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่นานเหลือเชื่อโดยสามารถเล่นวิดีโอได้นานสูงสุด 20 ชั่วโมง

apple-wwdc22-macbook-pro-13-a

 macOS Monterey

MacBook Air และ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว มีทั้ง macOS Monterey และ Apple Silicon จึงมีประสิทธิภาพที่สูงยิ่งขึ้น และช่วยเสริมการทำงานของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น

เริ่มจากเครื่องมือด้านความต่อเนื่อง อย่างการควบคุมจากอุปกรณ์กลาง ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ทำงานสลับไปมาระหว่าง Mac และ iPad ได้สะดวกรวดเร็ว หรือคุณสมบัติ AirPlay ไปที่ Mac ที่ให้ผู้ใช้เล่นอะไรก็ได้เกือบทุกอย่างจาก iPhone หรือ iPad บนจอภาพ Retina ที่สวยงามของ Mac

นอกจากนี้ FaceTime ยังมีคุณสมบัติทั้งภาพและเสียง อย่างโหมดภาพถ่ายบุคคลและระบบเสียงตามตำแหน่ง ที่ทำให้การโทรรู้สึกเป็นธรรมชาติและสมจริงยิ่งขึ้น ในขณะที่ SharePlay ช่วยให้ผู้ใช้ Mac สามารถแชร์ประสบการณ์กับคนอื่นๆ ผ่าน FaceTime ได้อีกทั้งยังมีคุณสมบัติอย่างข้อความในภาพ และค้นดูจากภาพ ซึ่งอาศัยระบบอัจฉริยะเพื่อดึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ขึ้นมาให้เห็น ส่วน Safari ก็มี “กลุ่มแถบ” ที่ช่วยจัดระเบียบแถบเว็บไซต์ได้อย่างทรงพลัง ส่วนแอปคำสั่งลัดก็นำความสะดวกสบายของการสั่งงานแบบอัตโนมัติมาอยู่บน Mac

apple-wwdc22-macbook-air-ipho

macOS Ventura ซึ่งจะพร้อมใช้งานภายในปีนี้ ก็ใช้ประโยชน์จากชิป M2 อย่างเต็มที่เพื่อขับเคลื่อนคุณสมบัติใหม่ๆ อย่าง Stage Manager รวมถึงความสามารถใหม่อันทรงพลังที่เพิ่มเข้ามาใน FaceTime ไม่ว่าจะเป็นความต่อเนื่องของกล้องหรือ Handoff นอกจากนี้ macOS Ventura ยังมาพร้อมการอัปเดตครั้งใหญ่สำหรับ Safari, เมล, ข้อความ, Spotlight และอื่นๆ ด้วย

ดีต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น

ทั้ง MacBook Air และ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ใหม่ต่างช่วยลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการใช้แร่โลหะหายาก 100% ในแม่เหล็กของตัวเครื่องทั้งสองรุ่น ในขณะที่ MacBook Air ใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% ในตัวเครื่อง และยังเป็นผลิตภัณฑ์ Apple ชิ้นแรกที่ใช้เหล็กกล้ารีไซเคิลที่ผ่านการรับรองอีกด้วย และผลิตภัณฑ์ทั้งคู่ยังเป็นไปตามมาตรฐานระดับสูงของ Apple ในด้านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังปลอดสารอันตรายหลายประเภท ขณะที่บรรจุภัณฑ์นั้นใช้เยื่อไม้ที่มาจากป่าที่ได้รับการจัดการอย่างรับผิดชอบ วันนี้การดำเนินงานของบริษัท Apple ทั่วโลกมีความเป็นกลางทางคาร์บอน และภายในปี 2030 เราวางแผนที่จะลดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศให้เป็นศูนย์ในทุกภาคส่วนของธุรกิจ

ซึ่งรวมถึงซัพพลายเชนการผลิตและวงจรชีวิตของสินค้าทั้งหมด และนั่นยังหมายความว่า Mac ทุกเครื่องที่ Apple สร้างขึ้นจะมีความเป็นกลางทางคาร์บอน 100% ด้วยตั้งแต่ขั้นตอนของการออกแบบจนถึงการผลิต

ราคาและความพร้อมในการวางจำหน่าย

  • MacBook Air แบบใหม่หมดและ MacBook Pro 13 นิ้ว รุ่นอัปเดตจะวางจำหน่ายทาง apple.com/th/store และในแอป Apple Store โดยจะเริ่มจัดส่งถึงลูกค้า และวางจำหน่ายใน Apple Store รวมถึงตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Apple เร็วๆ นี้
  • MacBook Air พร้อมชิป M2 ราคาเริ่มต้นที่ 43,900 บาท และ 40,400 บาท สำหรับราคาส่งเสริมการศึกษา ดูข้อมูลทางเทคนิคเพิ่มเติมที่ apple.com/th/macbook-air-m2
  • MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว พร้อมชิป M2 ราคาเริ่มต้นที่ 46,900 บาท และ 43,900 บาท สำหรับราคาส่งเสริมการศึกษา ดูข้อมูลทางเทคนิคเพิ่มเติมที่ apple.com/th/macbook-pro-13
  • หากต้องการข้อมูลทางเทคนิคเพิ่มเติม รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์เสริม Apple ไม่ว่าจะเป็นอะแดปเตอร์แปลงไฟ USB-C ขนาด 30 วัตต์ ราคา 1,190 บาท, อะแดปเตอร์แปลงไฟ USB-C ขนาดกะทัดรัดแบบพอร์ตคู่ขนาด 35 วัตต์ ราคา 1,890 บาท, อะแดปเตอร์แปลงไฟ USB-C แบบพอร์ตคู่ขนาด 35 วัตต์ ราคา 1,890 บาท ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกับ World Travel Adapter Kit ราคา 1,190 บาท และอะแดปเตอร์แปลงไฟ USB-C ขนาด 67 วัตต์ ราคา 1,890 บาท สามารถดูได้ที่ apple.com/th/mac อะแดปเตอร์แปลงไฟ USB-C ขนาดกะทัดรัดแบบพอร์ตคู่ขนาด 35 วัตต์วางจำหน่ายสำหรับลูกค้าในประเทศแคนาดา, จีน, ญี่ปุ่น, เม็กซิโก, ฟิลิปปินส์, ไต้หวัน, ไทย และสหรัฐอเมริกา
  • ลูกค้าทุกท่านที่ซื้อ Mac จาก Apple สามารถเข้าร่วม Online Personal Session ฟรีกับ Apple Specialist, รับบริการตั้งค่าผลิตภัณฑ์ที่ร้านหลายสาขา รวมถึงความช่วยเหลือในการถ่ายโอนข้อมูล และคำแนะนำเกี่ยวกับการปรับแต่ง Mac เครื่องใหม่ให้ทำงานอย่างที่ต้องการ
  • และลูกค้าสามารถตรวจสอบมูลค่าของอุปกรณ์ได้ที่ apple.com/th/shop/trade-in
  • AppleCare+ สำหรับ Mac มอบบริการช่วยเหลือด้านเทคนิคและความคุ้มครองด้านฮาร์ดแวร์จาก Apple เพิ่มเติม รวมทั้งความคุ้มครองด้านความเสียหายจากอุบัติเหตุสูงสุด 2 ครั้ง ในทุกๆ 12 เดือน โดยแต่ละครั้งมีค่าธรรมเนียมการให้บริการ

 

 


แชร์ข่าวนี้