เปิดตัว Nokia X30 5G และ G60 5G มือถือสเปกระดับกลาง แต่พร้อมอัปเกรด Android ใหม่ถึง 3 รุ่น

198
แชร์ข่าวนี้

HMD Global ได้เปิดตัวมือถือใหม่ล่าสุดในงาน IFA 2022 อย่างเป็นทางการใหม่ถึง 2 รุ่นด้วยกัน เน้นทั้งเรื่องรักษาสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยีภายในที่จัดว่าล้ำอยู่เริ่มจาก

Nokia X30 5G

เป็นมือถือตระกูล X Series ที่มาพร้อมกับเฟรมโลหะโดยมาจากการ Recycle ถึง 100% ด้านหลังทำจากพลาสติกที่นำกลับมารีไซเคิลใหม่ ทั้งนี้กล่องทั้งหมดเป็นกระดาษถึง 94% และกล่องจะเล็กมากจะไม่มีที่ชาร์จให้ในกล่อง ทำให้ง่ายต่อการขนส่ง

ด้านสเปกของ Nokia X30 5G จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.43 นิ้ว AMOLED ความละเอียด Full HD+ อัตราส่วน 20:9 พร้อมกับ Refresh Rate 90Hz ความสว่าง 450 nits เรียกได้ว่าเป็นหน้าจอที่แบบ AMOLED รุ่นที่ 2 หลังจากใช้รุ่นแรกกับ Nokia 9 PureView  ครอบทับด้วย Gorilla Glass Victusx30_3

ด้านหลังครอบกล้องด้วยกระจก Gorilla Glass DX+ โดยตัวหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ขนาดเซนเซอร์ 1/1.57 นิ้วพร้อมกับการรวมเซนเซอร์ 4 in 1 binning ติดตั้งระบบ OIS และกล้องมุมกว้าง Ultra Wide ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ให้มุมมอง 123 องศา ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซลรองรับการรวมพิกเซล 4 in 1

ขุมพลังของ Snapdragon 695 ขนาด 6 นาโนเมตร และมาพร้อมกับรองรับ 5G ในแบบ Sub-6 และรองรับทั้ง NanoSIM และ e-SIM , Wi-Fi 6 (AX), NFC, IR Blaster กันน้ำ IP67  พร้อมกับ RAM 6 – 8GB และมีพื้นที่ความจำ 128 – 256GB ด้วยกัน

แบตเตอรี่มีขนาด 4200 mAh รองรับกำลังชาร์จไฟ 33W มีแบตเตอรี่ 800 รอบในการใช้งาน ราคาของมือถือรุ่นนี้อยู่ที่ 530 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 19,xxx บาท พร้อมวางจำหน่ายด้วยกัน 2 สีคือ Cloudy Blue และ Ice White

ทั้งนี้ Nokia X30 จะมาพร้อมกับ 3-3-3 คำสัญญาคือ อัปเดตระบบปฏิบัติการให้ 3 ครั้ง อัปเดต Patch ความปลอดภัยยาวถึง 3 ปี และประกันตัวเครื่อง 3 ปีด้วยกัน เท่ากับตอนนี้ได้ระบบปฏิบ้ติการ Android 12 จากกล่องก็จะไปต่อได้ถึง Android 15 กันเลยทีเดียว

Nokia G60 5G

มาถึงตระกูล G Series รุ่นนี้ก็ยังคงได้สิ่งที่คล้ายกันทั้งกล่อง และประกันแบบ 3-3-3 เช่นเดียวกัน ขุมพลังยังคงเป็นแบบเดียวกัน แต่ RAM จะได้แค่ 4GB และความจำได้ทั้ง 64 – 128GB พร้อมได้ด้วย MicroSD แต่รอบนี้หน้าของของ Nokia G60 5G จะได้ขนาด 6.58 นิ้ว ความละเอียด FHD+ พร้อมกับ Refresh Rate อยู่ที่ 120Hz ความสว่าง 400 nits และครอบด้วย Gorilla Glass 5

กล้องหลักนั้นความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ขนาด 1 / 2.67 และสามารถรวมเซนเซอร์ที่ 0.64µm มาพร้อมกับระบบ OIS และกล้องมุมกว้างความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และมี Depth Sensor ในตัว ทั้งนี้แบตเตอรี่มีขนาด 4500 mAh รองรับระบบชาร์จไฟแค่ 800 รอบเหมือนเดิม แต่กำลังชาร์จไฟแรงขึ้น 20W และยังให้ที่ชาร์จ 20W ในบางตลาด

นอกจากเรื่อง 5G ยังมาพร้อมกับช่องใส่ซิมแบบ Hybrid Slot พร้อมกับ USB-C 2.0 รองรับ Wi-Fi 6(ax) พร้อมกับ Bluetooth 5.1 และ NFC พร้อมกับมาตรฐานกันน้ำ IP52 ด้วยกัน สำหรับมือถือรุ่นนี้จาพร้อมกับราคา 320 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 11,7xx บาท ซึ่งไม่แตกต่างจากเดิมเท่าไหร่

ทั้งนี้ต้องลุ้นกันต่อไปว่า 2 มือถือนี้จะวางจำหน่ายในประเทศไทยด้วยหรือไม่

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : sanook


แชร์ข่าวนี้