นายกฯ แข็งกร้าวต้องเสียเพื่อนเสียมิตรผู้นำที่ดีต้องอดทน

404
แชร์ข่าวนี้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “Accelerating Thailand เร่งเครื่องประเทศไทย” ที่ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า หลักการสำคัญที่ตนใช้เป็นแนวทางในการทำงาน Get Things Done สิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้นจริง ต้องเตรียม ความพร้อมให้ประเทศ

สำหรับอนาคตเพื่อลูกหลานคนรุ่นใหม่ ต้องวางรากฐานตั้งแต่วนนี้ หลายปีที่ผ่านมาหากย้อนกลับไป ตั้งแต่ศตวรรษที่ 20 จนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยมีปัญหา มากทางการเมืองเป็นปัจจัยสำคัญ ทำให้รัฐบาลยุ่งหลายสมัย มีความยากลำบาก ในการที่จะทำเรื่องสำคัญ ที่จำเป็นต่อการเดินหน้าประเทศ ซึ่งผลตามมาก็คือทำให้ขีดความสามารถ

ในการแข่งขันของประเทศเวทีระดับโลกค่อยๆ ลดลง คนไทยกว่า 70 ล้านคนนั้นเสียโอกาส ทั้งๆ ที่เรานั้นอยู่ในประเทศที่มีความพร้อมทุกอย่าง การที่ตนต้องทำสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้นให้ได้ นั้นต้องมีเป้าหมาย ทำให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า บนเส้นทางที่จะเติบโตและเจริญรุ่งเรือง ไปทั่วทุกหย่อมหญ้าและยั่งยืน เป็นเส้นทางที่คนไทยทุกคนนั้นจะต้องจับมือไปด้วยกัน และจับมือกับประเทศเพื่อนบ้านรวมถึงสังคมโลก แต่เรื่องใหญ่มีเรื่องที่จะต้องทำจำนวนมากเกินที่จะทำได้ทั้งหมดพร้อมกัน จึงต้องเรียงลำดับความสำคัญ

โดยสิ่งที่ตนมุ่งเป้าคือ ยกระดับความมั่งคั่งไปทั้งประเทศ ยกระดับความรุ่งเรืองไปทุกพื้นที่ ทำเรื่องที่จะสร้างประโยชน์ให้กับคนทุกระดับในสังคม สร้างพื้นฐานที่เอื้อให้ประชาชนสามารถทำมาหากินได้ บนเส้นทางที่ยั่งยืน ตนให้ความสำคัญกับการสร้างความรุ่งเรืองให้กับคนไทยทุกระดับสังคมเพราะเป็นการสร้างพื้นฐานที่มั่นคงแข็งแรงให้เกิดขึ้น เดินหน้าไปสู่การปรับแก้สิ่งต่างๆ ที่เป็นประเด็นทางสังคม

ทั้งความยุติธรรมความเท่าเทียม ในการเข้าถึงโอกาสการทำมาหากิน ซึ่งเป็นพื้นฐานทำให้สังคมอยู่บนความสงบสุขและมั่นคง นำพาประเทศไปข้าง โดยมีกลยุทธ์ 3 แกนหลัก ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐาน ยานยนต์ไฟฟ้า และเกษตรสมัยใหม่ มีการนำเทคโนโลยีวิจัยและนวัตกรรมมาปรับโครงสร้างทางการผลิต มุ่งไปสู่เกษตรปลอดภัย ลงทะเบียนเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น เชื่อมโยงทุกภาคส่วนในแต่ละพื้นที่เพื่อที่จะให้เกษตรกรสามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและราคาสูงขึ้น

นายกรัฐมนตรี ยังระบุถึงการพัฒนาระบบรางในประเทศว่า ก่อนเปิด 3 เส้นทางเชื่อมต่อ ขอเรียกว่าเชื่อมไทยเดินหน้า เราเดินมาไกลแล้ว และคงต้องต่อสู้ต่อไป ขอขอบคุณ ความร่วมมือของพรรคร่วมรัฐบาล ภาคส่วนต่างๆ และสิ่งสำคัญคือสปิริตของคนไทยที่พร้อมร่วมมือกันเสียสละบางอย่างเพื่อประโยชน์ของประเทศในวงกว้าง และยังกล่าวถึง การพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ได้รับการพัฒนาให้มีศักยภาพได้ภายใน 2 ปี ซึ่งเทียบเท่ากับการก่อสร้างมาตลอด 40 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตนไม่ได้ว่าใคร แต่เป็นเพียงการยกตัวอย่างเท่านั้น

พร้อมกันนี้ ในการก่อสร้างระบบราง นั้น โดยตั้งเป้าจะยกระดับในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ให้เทียบเท่ากับโตเกียว และลอนดอน โดยกลยุทธ์ 3 แกนหลักสามารถยกระดับรัฐสวัสดิการ ให้กับประชาชนทั้งประเทศได้ และยอมรับว่า โครงการต่างๆ ต้องใช้เวลาพอสมควร ซึ่งจะต้องผสมผสานความเข้าใจและความอดทน ทำให้สามารถทำตามแผน และเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา

โดยการที่จะเป็นผู้นำให้ประสบความสำเร็จจะต้องมีความอดทนและความเข้าใจ ที่ได้อาจจะไม่สมบูรณ์ 100% แต่ทำให้ใช้งานต่างๆ? เกิดขึ้นมาได้ จะไม่ทิ้งรอยแตกร้าวอย่างถาวรของคนกลุ่มต่างๆ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลายคนบอกว่าตนใจร้อนเกินไป ใจเย็นเกินไป ตนต้องการผสมผสานความแข็งก้าวของตน เพื่อให้เดินหน้ากับความยืดหยุ่น

เพื่อให้หลายกลุ่มหลายฝ่ายเดินไปด้วยกันได้ แน่นอนว่าหลายครั้ง อาจจะไม่ได้ทำทุกอย่างตามที่ตนต้องการ ซึ่งต้องเตรียมความสำคัญ ทำให้ตนเสียเพื่อน เสียมิตร ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนนั้นต้องยอมแลก แต่เป็นสิ่งที่จำเป็น ที่จะทำสิ่งต่างๆ ให้จำเป็นกับประเทศเกิดขึ้นให้ได้ ขอให้ทุกคนเข้าใจความตั้งใจของตนที่จะพยายามขับเคลื่อนสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้นจริงให้ได้ ในมุมมองของคนภายนอกมองว่ามีแต่เรื่องวุ่นวาย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า ในการบริหารประเทศบางครั้งอาจมีอุปสรรคมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ้างซึ่งในมุมมองของคนภายนอก ซึ่งอาจเห็นว่ามีแต่เรื่องวุ่นวายแต่ในที่สุดแล้ว ขอให้ทุกคนดูผลลัพธ์ที่โครงสร้างเหล่านั้นเกิดขึ้นได้จริง

“เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องต่างๆ เป็นเรื่องปกติของประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง แต่เราไม่ควรที่จะไขว้เขวหรือเสียสมาธิไปจากเรื่องใหญ่ๆ เรื่องสำคัญสำคัญ
ของประเทศเพราะเรารู้ว่าในที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรมาทดแทนผลงานจริงได้ และสิ่งสำคัญของประเทศจะไม่เกิด นั่นคือเหตุผลที่ผมเลือกใช้เวลาของผมมุ่งมั่น
ไปกับการทำงานใหญ่ให้กับประเทศทำให้มันเกิดขึ้นจริงให้ได้และเตรียมประเทศของเราให้พร้อมสำหรับอนาคต”

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : INNnews


แชร์ข่าวนี้