ลือหึ่ง! บุกโรงงานทำลูกชิ้นจากเนื้อตัวเงินตัวทอง ล่าสุด ตำรวจสอบสวนกลางโพสต์แจง

169
แชร์ข่าวนี้

ย้อนดูคำให้การ คนงาน-คนจ้างชำแหละ-คนมารับซื้อซากตัวเงินตัวทอง ก่อนตำรวจสอบสวนกลางโพสต์แจ้ง ปมโซเชียลลือบุกทลายโรงงานลูกชิ้น

วันนี้ (1 มี.ค.) เฟซบุ๊ก ตำรวจสอบสวนกลาง ได้มีการโพสต์ภาพและข้อความ ระบุว่า ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ยืนยัน บุกทลายโรงชำแหละส่งร้านอาหารป่า ไม่ใช่โรงงานผลิตลูกชิ้น

กรณีที่มีเพจหนึ่งโพสต์รูปภาพตัวเงินตัวทอง พร้อมข้อความระบุว่า “บุกทลายโรงงานผลิตลูกชิ้นปลาเจ้าใหญ่ที่ดัดแปลงใช้เนื้อของตัวเงินตัวทองมาทำเป็นลูกชิ้นปลาเนื้อขาวใสไร้ความคาว ส่วนหนังน่านำไปตากแห้งทำเป็นหนังปลาทอดกรอบ จัดจำหน่ายส่งขายทั่วประเทศมานานแล้ว”

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ขอระบุว่า ภาพดังกล่าวเป็นผลงานการจับกุมของตำรวจ บก.ปทส. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ที่เข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาที่ลักลอบซื้อขายเพื่อการค้าและมีไว้ในครอบครองซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง จำพวกสัตว์เลื้อยคลาน ในพื้นที่ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี เมื่อวานที่ผ่านมา

โดยจากการสอบถามผู้ต้องหา และจากการสืบสวน ยืนยันว่า ซากตัวเงินตัวทองเหล่านี้ เตรียมนำไปขายต่อที่ตลาดชายแดนภาคตะวันออก เพื่อนำไปประกอบเป็นอาหารป่าขายแก่ผู้ชื่นชอบเท่านั้น ไม่ได้เป็นไปตามที่มีกระแสข่าวแต่อย่างใด

ย้อนดูคำให้การ คนงาน-คนจ้างชำแหละ-คนมารับซื้อซากตัวเงินตัวทอง

ที่จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อช่วงสายวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่บุกเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง หมู่ที่ 12 ตำบลบ้านโข้ง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี พบ นายมนต์ อายุ 73 ปี รับว่าเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว ได้พาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในบริเวณบ้าน

จากการตรวจสอบพบพบสัตว์ป่าคุ้มครองจำพวกสัตว์เลื้อยคลาน จำนวน 4 ชนิด ได้แก่ ตัวเงินตัวทองที่ยังมีชีวิตอยู่ในถุง จำนวน 32 ตัว ซากเงินตัวทองวางกองอยู่กับพื้นและอยู่ในกะละมัง จำนวน 59 ซาก เต่านา จำนวน 20 ตัว เต่าหับ จำนวน 2 ตัว และ เต่าดำ จำนวน 6 ตัว อยู่ในโอ่งมังกร และยังพบชาวบ้าน 5 คนที่มารับจ้างชำแหละ แปรรูป ตัวเงินตัวทอง

จากการสอบถาม คนงาน ได้ความว่า พวกตนมารับจ้างนายมนต์ ชำแหละตัวเงินตัวทองได้รับค่าจ้างวันละ 300 บาท โดยไม่ทราบว่าสัตว์ดังกล่าวเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่มีไว้เป็นความผิดและได้มาถูกต้องหรือไม่อย่างไร กลุ่มของตนเป็นแค่คนรับจ้างเท่านั้น

ด้าน นายมนต์ ให้การรับว่า ตัวเงินตัวทองและเต่าที่พบเป็นของตนจริง โดยได้รับซื้อมาจากชาวบ้านเพื่อทำการแปรรูปแล้วจำหน่ายให้กับ นายประสิทธิ์ อายุ 67 ปี พ่อค้าที่มารับซื้อ ซึ่งได้มานั่งรออยู่กับตนเพื่อรอรับของนำไปจำหน่ายต่อ ตนไม่มีอนุญาตครอบครองหรือเพาะพันธุ์สัตว์ป่าแต่อย่างใด

ส่วน นายประสิทธิ์ ให้การรับว่า ตนเองเป็นเพียงผู้มารับซื้อซากตัวเงินตัวทองที่ได้ทำการชำแหละแล้ว จำนวน 59 ตัว เพื่อนำไปขายต่อที่ตลาดแสนตุ้ง ตลาดตัวเมืองตราด และตลาดคลองใหญ่ จังหวัดตราด โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเงินตัวทองที่ยังมีชีวิตอยู่ และเต่าจำนวนดังกล่าวแต่อย่างใด

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : sanook


แชร์ข่าวนี้