ชัชชาติ รู้นานแล้ว หัวหน้าฝ่ายรายได้เขตราชเทวี เรียกรับสินบน เผยเหตุผลไม่สั่งย้าย

167
แชร์ข่าวนี้

เปิดทรัพย์สิน หัวหน้าฝ่ายรายได้เขตราชเทวี บ้าน รถ เงินสด รวมกว่า 100 ล้าน ชัชชาติ รู้เรื่องรับสินบนตั้งแต่ 2 เดือนก่อน แต่ไม่มีหลักฐานเอาผิด

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เปิดเผยความคืบหน้า การสอบสวนหัวหน้าฝ่ายรายได้ สำนักงานเขตราชเทวี ที่มีพฤติการณ์เรียกรับผลประโยชน์ 3.2 ล้านบาท จากผู้เสียหาย แลกกับการเลี่ยงจ่ายภาษี 40 ล้านบาท แต่ผู้เสียหายได้นำเรื่องร้องเรียน เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการทุจริต เป็นที่มาของการเปิดโปงครั้งนี้

ด้าน พ.ต.อ.ธนวัฒน์ หิ้นยกฮิ่น ผกก.1 บก.ปปป. พร้อมด้วย นายสุภาพ ศิริ ผู้อำนวยการกองอำนวยการต่อต้านการทุจริต สำนักงาน ป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และเจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน นำกำลังเข้าตรวจค้น บ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.บางรักใหญ่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านพักส่วนตัวของนายประมวล เพื่อค้นหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม

จากการตรวจค้น พบบ้านหลังดังกล่าวมีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น มีรถยนต์ยี่ห้อ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว และ รถยนต์ Lexus สีขาว จอดอยู่ภายในโรงรถของตัวบ้าน ซึ่งจากการตรวจค้นภายในบ้าน พบพระเครื่องและเอกสารที่เกี่ยวข้องคดีจำนวนมาก

นอกจากนี้ จากการตรวจค้นภายในรถ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ยังพบว่า มีการซุกซ่อนเงินสดจำนวน 6.9 ล้านบาท อยู่ภายในรถ จึงตรวจยึดไว้ตรวจสอบต่อไป

ทั้งนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ได้เผยว่า น่าสงสัยว่าจะมีการโยกย้ายเงินไปยังภรรยาและลูก ซึ่งยังไม่มีรายได้ ซึ่งนำไปสู่การตรวจค้นบ้านหลังนี้ ซึ่งจากการตรวจสอบทรัพย์สิน บ้านหลังที่ตรวจค้นมีมูลค่า 11 ล้าน เป็นชื่อของลูกชายที่ยังไม่มีรายได้ แต่เมื่อรวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดจะมีค่ามากกว่า 100 ล้านบาท มีเงินหมุนเวียนในบัญชีภรรยา 40 ล้านบาท

ด้าน หัวหน้าฝ่ายรายได้ ซึ่งปฏิเสธเรื่องนี้ ได้อ้างว่าทรัพย์สินเป็นมรดก และเงิน 6.9 ล้านบาท จะเอาไปซื้อที่ดิน ส่วนที่พบเงินหมุนเวียนในบัญชีของภรรยาจำนวนมาก ก็ได้มาจากการซื้อขายที่ดิน

ทั้งนี้ ตำรวจระบุว่า จากการสอบปากคำ หัวหน้าฝ่ายรายได้ยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และวางหลักทรัพย์เงินสด 4 แสนบาท เพื่อยื่นขอประกันตัวไป พนักงานสอบสวนจึงอนุญาตให้ประกันตัว

อย่างไรก็ตาม จากพยานหลักฐานที่ตรวจยึดได้ ทั้งสมุดบันทึกและเอกสารที่เกี่ยวข้อง พบความเชื่อมโยงไปอีกหลายบุคคล และดูเหมือน มีผู้ที่ถูกเรียกรับผลประโยชน์แลกกับการไม่จ่ายภาษีจำนวนสูงเช่นนี้อีกหลายคน ซึ่งตำรวจจะต้องขยายผลเส้นทางการเงิน และเรียกบุคคลเหล่านี้มาให้ปากคำว่า จะให้การอย่างไรบ้าง

นอกจากนี้ แนวทางการสืบสวนยังเชื่อว่า หัวหน้าฝ่ายรายได้คนดังกล่าว ไม่ได้ก่อเหตุเพียงคนเดียว น่าจะมีผู้อื่นร่วมด้วย ซึ่งตำรวจก็กำลังขยายผลติดตาม หากพบพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงบุคคลใด ก็จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด จากนั้นก็จะสรุปสำนวนส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ มีการพบหนังสือบัญชี ที่มีการบันทึกรายละเอียดเรียกรับ ปลายทาง และส่วนแบ่ง

ด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้รับการประสานร้องเรียนจากบริษัทนี้เข้ามาเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ว่ามีการเรียกรับเงิน จากเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตราชเทวี ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายรายได้ของเขตฯ หลังรับเรื่องร้องเรียน ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ดำเนินการทันที เพียงแต่ขณะนั้นยังไม่มีพยานหลักฐาน ที่จะดำเนินการกับบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ในทันที หากจะแก้ปัญหาโดยการย้ายไปอยู่อีกสำนักงานเขตอื่น ก็จะไปสร้างวัฒนธรรมที่ไม่ดีอีก

ขณะเดียวกัน กทม.ไม่มีอำนาจดำเนินการจับกุม จึงต้องประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ให้ตรวจสอบและทำการสืบสวน กระทั่งวันที่ 4 เม.ย. ที่ผ่านมา มีการดำเนินการเกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นความลับไม่ได้มีการแจ้ง กทม. ล่วงหน้าแต่อย่างใด กทม.จึงไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ อย่างไรก็ตาม กรณีนี้จะมีบุคคลอื่นในสำนักงานเขต ตลอดจนผู้บังคับบัญชาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ

ส่วนการดำเนินการทางวินัยของ กทม. มีขั้นตอน คือจะให้ปลัดกรุงเทพมหานครตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบทางวินัยร้ายแรงแล้ว และจะมีการโยกย้ายเข้ามายังสำนักปลัดกรุงเทพมหานคร โดยให้มาอยู่ในส่วนของตำแหน่งที่มีการสงวนตำแหน่งว่าง เพื่อย้ายข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญ จำนวน 20 ตำแหน่ง ระหว่างที่รอการตรวจสอบ โดยไม่ได้รับเงินเดือน ขณะเดียวกัน เรื่องการทุจริตการจัดเก็บรายได้พบเป็นครั้งแรก แต่ก่อนหน้านี้พบแต่การทุจริตในฝ่ายโยธามากกว่า

ขอขอบคุณ

ข้อมูล :ช่อง 3

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : sanook


แชร์ข่าวนี้