กระทรวงพาณิชย์ ประกาศ “ผ้าหม้อห้อมแพร่-กล้วยหอมทองปทุม” เป็นสินค้าจีไอ

196
แชร์ข่าวนี้

“พาณิชย์” ประกาศขึ้นทะเบียนสินค้าจีไออีก 2 รายการ “ผ้าหม้อห้อมแพร่-กล้วยหอมทองปทุม” อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นยันช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และเพิ่มรายได้ให้ท้องถิ่น

นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้ประกาศขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) เพิ่มอีก 2 รายการ ได้แก่ ผ้าหม้อห้อมแพร่ และกล้วยหอมทองปทุม ทำให้ปัจจุบันประเทศไทยมีสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าจีไอแล้ว 120 รายการ จาก 76 จังหวัด ซึ่งการขึ้นทะเบียนจีไอ จะช่วยคุ้มครองชื่อสินค้าให้เป็นสิทธิเฉพาะของชุมชน มีการรักษามาตรฐานของสินค้าและภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างความเชื่อมั่นในแหล่งที่มาและคุณภาพของสินค้า ที่สำคัญ ช่วยเพิ่มมูลค่าให้สินค้าและสร้างรายได้ให้กับชุมชนด้วยความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สามารถผลิตได้เฉพาะท้องถิ่นเท่านั้น

รมช.พาณิชย์ กล่าวต่อว่า สำหรับ ผ้าหม้อห้อมแพร่ มีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ คือ เป็นผ้าทอพื้นเมืองที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติหรือเส้นใยสังเคราะห์ที่ผ่านกระบวนการย้อมสีธรรมชาติ ทำให้เกิดลวดลายด้วยการมัดย้อม การจุ่ม หรือการพิมพ์ลายด้วยภูมิปัญญาการก่อหม้อห้อมที่ใช้ใบและต้นห้อมที่ปลูกในจังหวัดแพร่ ทำให้ผ้าทอและเสื้อผ้าที่ผ่านการย้อมมีเฉดสีฟ้าถึงสีน้ำเงินเข้ม มีกลิ่นหอมตามธรรมชาติ ส่วน กล้วยหอมทองปทุม มีผลใหญ่ยาว หน้าตัดค่อนข้างกลม ปลายคอดเล็กน้อย ผิวนวล เปลือกบาง ผลดิบ สีเขียวนวล ผลสุกสีเหลืองทองนวล เนื้อเหนียวแน่นรสชาติหอมหวาน ปลูกในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี

“หลังจากขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าจีไอแล้ว กรมทรัพย์สินทางปัญญา มีแผนในการส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า โดยการจัดทำระบบควบคุมสินค้า เพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ช่วยพัฒนาหีบห่อบรรจุภัณฑ์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และผลักดันสินค้าเข้าสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งมีแผนที่จะนำสินค้า ไปจัดแสดงต่างๆ เช่น งานจีไอ มาร์เก็ต 2020 งานแสดงสินอาหาร (ไทยเฟกซ์), งานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์ (สไตล์ บางกอก 2020) เพื่อแนะนำสินค้าให้ผู้บริโภครู้จัก และเปิดตัวออกสู่ตลาดต่างประเทศ” นายวีรศักดิ์ กล่าว


แชร์ข่าวนี้