ศบค.รับ มีแนวทาง ช่วยคนไทยในต่างแดน หยุดเคลื่อนตัวกลับประเทศ อาจใช้วิธี จ่ายเงินเยียวยาให้อยู่ได้ ยืนยัน พูดถึงเยียวยา 5,000 ไม่ได้พูดการเมือง อย่าแปลความไม่ดี
เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ศบค.ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กล่าวถึงกรณีการให้ความช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ ซึ่งมีกระแสข่าวว่าจะช่วยเป็นตัวเงิน ว่า
ถือว่าเป็นแนวความคิดที่มีขึ้นในที่ประชุมใหญ่ศบค. ที่มีการหารือถึง การจัดการนำคนไทยต่างประเทศ ซึ่งเขาเป็นคนไทยเขามีสิทธิ แต่ขณะเดียวกันเราก็ต้องมีหลักการในการปกป้องคุ้มครอง คน 65 ล้านคน ที่อยู่ในประเทศไม่ให้ติดเชื้อ ดังนั้นต้องมีการจัดสมดุลย์ให้ดี
“จึงมีการเสนอแนวคิดว่าในเมื่อรัฐบาลดูแลคนไทยในประเทศโดยให้เงินเยียวยา 5,000 บาท ซึ่งหลายวันมานี้ที่ผมพูดถึงเรื่องเงิน 5,000 บาทก็มีบางคนชื่นชม แต่บางคนก็นำไปพูดอีกอย่างหนึ่ง ทั้งที่ผมไม่ได้พูดถึงเรื่องทางการเมืองแต่อย่างใด แต่กำลังพูดถึงเรื่องการช่วยเหลือเยียวยา อย่าพยายามแปลความไม่ดี ซึ่งในที่ประชุมยกตัวอย่างเรื่องเงิน 5,000 บาทที่เยียวยาคนในประเทศ
แต่ก็มีกลุ่มคนไทยที่ไปทำรายได้อยู่นอกประเทศเช่นที่มาเลเซีย แต่ถูกหยุดการใจงานเมื่อเดินทางกลับมาประเทศไทยได้สอบถามกันว่าเขาก็มีห้องเช่าอยู่ในมาเลเซียอยู่แล้ว มีญาติอยู่ทั้งสองฝั่ง และถ้าให้เป็นไปตามหลักการให้มีการเคลื่อนย้ายคนให้น้อยที่สุด ในขณะที่คนที่อยู่ที่นั่นเขาบอกว่าเขาก็ไม่มีกินจะช่วยส่งเป็นเงินไปเยียวยาเขาได้หรือไม่ หรือแม้แต่ฝั่ง กัมพูชา เมียนมาร์ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายที่ให้เขาดำรงชีพอยู่ได้ที่นั่น”
“แต่ยังไม่ใช่ตัวเลข 5,000เป็นเพียงการยกตัวอย่างขึ้นมาเฉยๆ จะอยู่ที่ตัวเลขเท่าไหร่ยังไม่ได้มีการพูดถึง แต่ถามกันว่ารับกันอย่างนี้ยอมรับได้หรือไม่ซึ่งในที่ประชุม ก็เห็นว่าเป็นเหตุเป็นผล เพื่อยืดการกลับมาของคนไทยเรานั้น อาจ 1-3 เดือน
โดยที่เขาอยู่ได้ สิ่งเหล่านี้รัฐบาลต้องคิดและดำเนินการเพื่อให้เขาดำรงชีวิตอยู่ได้ เพราะเขาก็เป็นคนไทย และนี่คือหลักการที่พูดกันในที่ประชุมแล้วหลายคนเห็นด้วยเหลือเพียงแต่ว่าจะต้องลงไปปฏิบัติอย่างไร และต้องรู้ก่อนว่ากลุ่มคนเหล่านี้มีจำนวนเท่าใด
ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศต้องรีบรายงาน เข้ามายัง ศบค. แล้วยังจะต้องมีการนำไปคิดอีกในหลายประเด็น อาทิ ใช้งบประมาณเท่าไหร่ ดังนั้นสรุปว่ายังเป็นเพียงแนวทาง ซึ่งที่ประชุมช่วยกันคิดเพื่อหาแนวทางที่ดีที่สุดเพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มได้รับการดูแล
