ส่งออกเดือนมี.ค. พลิกบวก 4.17% สูงสุดในรอบ 8 เดือน จากสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรมกลับมาฟื้นตัว

234
แชร์ข่าวนี้

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.). กล่าวว่า การส่งออกเดือนมี.ค. 2563 มีมูลค่า 22,405 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 4.17% เป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 8 เดือน จากการขยายตัวของการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเป็นหลัก สะท้อนถึงการฟื้นตัวในภาคเศรษฐกิจจริง (Real Sector) ของอุตสาหกรรมไทย โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อย่างเครื่องคอมพิวเตอร์ มีสัญญาณฟื้นตัวอย่างชัดเจน จากการกลับมาขยายตัวในระดับสูงถึง 17.59% และขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 เนื่องจากผลของสงครามการค้าเบาบางลง

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับต่ำ ยังเป็นปัจจัยกดดันมูลค่าการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ซึ่งมีสัดส่วนถึง 8.12% ของการส่งออกในเดือนมี.ค. เมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และอาวุธ การส่งออกของไทยในเดือนมี.ค. ขยายตัว 2.12%

ขณะที่ การนำเข้ามีมูลค่า 20,813 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 7.25% ส่งผลให้การค้าไทยเกินดุล 1,592 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ดี การส่งออกไตรมาส 1 ของปี 2563 (ม.ค.-มี.ค.) ไทยมีการส่งออกขยายตัว 0.91% มีมูลค่าส่งออกอยู่ที่ 62,672 ล้านเหรียญสหรัฐ การนำเข้า มีมูลค่า 58,738 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 1.92% ส่งผลให้การค้าไทยในไตรมาสแรกเกินดุลอยู่ที่ 3,934 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร หดตัว 1.1% สินค้าที่ยังขยายตัวดี ได้แก่ น้ำตาลทราย ผัก ผลไม้สด แช่เย็นและแปรรูป ไก่สดแช่เย็นและแปรรูป อารหารสัตว์เลี้ยง ส่วนสินค้าที่หดตัว เช่น ยางพารา ข้าว ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เป็นต้น ทั้งนี้ ไตรมาส 1 ของปี สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรกร หดตัว 3.4%

เทรดวอร์สงบ-ส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม-อาหารพุ่ง ดันยอด มี.ค.บวก 4.17 ...

ส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัว 6.4% สินค้าที่ยังขยายตัวดี เช่น ทองคำ อากาศยาน ยานอวกาศและส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ สินค้าที่ส่งออกหดตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน หดตัว 17.4% หดตัวแทบทุกตลาด อัญมณีและเครื่องประดับไม่รวมทองคำ แผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้น ส่งผลไตรมาส 1 ของปี สินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัว 1.9%

อย่างไรก็ดี สำหรับการส่งออกสินค้าในช่วงปัญหาโควิด-19 นั้น ส่งผลให้แนวโน้มความต้องการสินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป อาหาร มีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ทำให้การนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ปัญหาสงครามการค้ามีสัญญาณที่ดีทำให้การส่งออกสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมขยายตัว

“ประเทศไทยยังต้องติดตามการผ่อนคลายนโยบายภายในของแต่ละประเทศ เช่น ยุโรป จากปัญหาโควิด-19 จะส่งผลให้บรรยากาษการค้าโดยรวมกลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้น และจะมีผลต่อการส่งออก นอกจากนี้ ปัจจัยที่มีผลต่อการส่งออกไทย โดยเฉพาะเรื่องของค่าเงินบาทที่ยังคงอ่อนค่า จะช่วยสนับสนุนให้การส่งออกสินค้าที่อ่อนไหวได้ราคาสูงขึ้น ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ ยังได้มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ทั่วโลก จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเชิงรุกผ่านช่องทางออนไลน์ พร้อมทั้งหาช่องทางการจำหน่ายสินค้า จัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ทางธุรกิจ เพื่อสนับสนุนในการส่งออกสินค้าไทยไปต่างประเทศด้วย” น.ส. พิมพ์ชนก กล่าว

ส่วนทิศทางการส่งออก หากจะให้การส่งออกของไทยทั้งปี 2563 ต้องการให้ขยายตัวอยู่ที่ 0% ไทยต้องส่งออกเฉลี่ยต่อเดือน 20,598 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือหากต้องการให้โต 2% ไทยต้องส่งออกเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 21,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ การหดตัวของราคาน้ำมันในตลาดโลกในขณะนี้ ยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามสำหรับการส่งออกของไทย โดยสมมุติฐานปัจจัยราคาน้ำมันอาจจะต้องปรับคาดการณ์ โดยประเมินว่าปีนี้จะลดลงมาอยู่ที่ 30-40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากเดิมที่เฉลี่ย 50-60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่ทั้งนี้ แม้ราคาน้ำมันที่ลดลงมาจะยังไม่เห็นผลในทันที แต่ยอมรับว่ามีผลต่อการส่งออกเยอะโดยเฉพาะในสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมัน เช่น น้ำมัน เม็ดพลาสติกส์ เป็นต้น แต่หากมองปัจจัยบวก ทำให้ราคาค่าโดยสาร ราคาน้ำมันภายในประเทศลดลง


แชร์ข่าวนี้