แท็กซี่เตือนภัยพระคิ้วดก หลอกขับรถทัวร์วัด เชิดหนีค่าโดยสารเกือบสองพัน

241
แชร์ข่าวนี้

จากบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊ครายหนึ่ง โฟสต์เตือนภัยพระไม่จ่ายค่าแท็กซี่ 1,809 บาท พร้อมรายละเอียดเหตุการณ์ที่สามี คือนายเกียรติศักดิ์ อายุ 39 ปี โชเฟอร์รถแท็กซี่ถูกพระสงฆ์รูปหนึ่งว่าจ้างให้ขับรถตระเวนไปตามวัดต่างๆ หลายแห่ง จนค่าโดยสารสูงถึง 1,809 บาท ก่อนที่พระองค์ดังกล่าวจะออกอุบายให้ขับเข้าไปจอดในวัดผาสุขมณีจักร ย่านปากเกร็ด แล้วทิ้งให้รอนานกว่า 2 ชั่วโมง เผ่นหายไปอย่างไร้ร่อยรอย โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา

วานนี้ (21 เม.ย.) เมื่อเวลา 15.30 น. ที่สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายเกียรติศักดิ์ โชเฟอร์รถแท็กซี่ซึ่งตกเป็นผู้เสียหายเดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.พงษ์จักร ปรีชาการุณพงศ์ ผกก.สภ.ปากเกร็ด เพื่อเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม โดยบอกว่า เมื่อวันที่ 19 เม.ย. เวลา 12.10 น.ถูกผู้โดยสารแต่งกายเหมือนพระสงฆ์ ว่าจ้างเรียกรถจากวัดสร้อยทอง ถนนพระราม 7 ให้ไปส่งที่วัดป่าคลอง 15 ธัญบุรี จากนั้นก็นั่งโดยสารต่อไปที่วัดป่า คลอง11 และเดินทางไปที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่งที่ย่านคลอง 2 จากนั้นก็นั่งโดยสารต่อไปอีกที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่งหลังโรงพยาบาลบีแคร์ ต่อด้วยวัดหลวงปู่สรวง และวนกลับมาที่วัดสลักเหนือ ย่าน อ.ปากเกร็ด ก่อนจะให้ตนขับรถมาต่อที่วัดผาสุขมณีจักร ในเมืองทองธานี 

โชเฟอร์ผู้เสียหายรายนี้ให้การอีกว่า ภายหลังขับรถมาถึงวัดผาสุขมณีจักรแล้ว  พระสงฆ์รูปดังกล่าว ให้จอดรถรอที่บริเวณข้างอุโบสถของวัด โดยอ้างว่าจะเข้าไปบอกบุญในวัด ก่อนที่จะเดินหายเข้าไปในวัด จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง พระองค์ดังกล่าวก็ไม่กลับออกมาและไม่สามารถติดต่อได้ ตนจึงตระเวนขับรถวนตามรอบวัดก็ไม่พบ ซึ่งมิเตอร์ค่าโดยสารเวลานั้น รวมเป็นเงิน 1,809 บาท จึงรู้ตัวว่าถูกพระองค์ดังกล่าวหลอกแน่แล้ว จึงเดินทางกลับบ้านนำเรื่องไปบอกภรรยา จากนั้นในวันรุ่งขึ้นตนก็เดินทางไปเข้าแจ้งความดำเนินคดี พร้อมกับภาพถ่ายพระองค์ดังกล่าวที่ถ่ายได้จากกล้องบันทึกภาพภายในรถ และภรรยาได้นำเหตุการณ์ไปโพสต์เตือนภัยสังคมในเฟซบุ๊ค 

โดย พ.ต.อ.พงษ์จักร ปรีชาการุณพงศ์ ผกก.สภ.ปากเกร็ด ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ปากเกร็ด สอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติม และนำตัวผู้เสียหายลงพื้นที่ภายในวัดผาสุกมณีจักร เพื่อชี้จุดที่ถูกหลอกให้จอดรถรอ และตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในวัด ซึ่งพบว่ากล้องวงจรปิดไม่สามารถบันทึกภาพพระสงฆ์รูปดังกล่าวได้ หลังจากนี้จะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียงที่ผู้เสียหายถูกหลอกให้พาไป เพื่อตรวจสอบว่าพื้นที่ใดสามารถบันทึกภาพรูปพรรณพระสงฆ์รูปได้ เพื่อใช้ติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฏหมายในข้อฉ้อโกงต่อไป     

นายเกียรติศักดิ์ โชเฟอร์ผู้เสียหาย กล่าวอีกว่า ตอนที่นั่งโดยสารกันในรถตลอดเส้นทางนั้น ตนได้สังเกตว่าพระองค์ดังกล่าวไว้คิ้วหนา ผิดวิสัยของพระสงฆ์ทั่วไป คำพูดคำจาของพระก็รู้เรื่องศาสนาดี ตนจึงไม่ได้เอะใจอะไร เพราะเห็นว่าเป็นพระ คงไม่มีอะไร ตนก็หลงเชื่อไว้ใจขับรถพาตระเวนไปตามวัดต่างๆ พระรูปนี้บอก ฝากบอกไปถึงพระรูปนี้ด้วยว่า อย่าหากินแบบนี้เลย ตนทำมาหากินสุจริตกว่าจะได้เงินมาแต่ละบาทก็ยากเย็น ยิ่งในช่วงวิกฤติแบบนี้ยิ่งยากไปใหญ่ ไม่น่าจะมาโกงค่าโดยสารกันแบบนี้ เงินพันกว่าบาทก็มีค่ามากสำหรับตนที่ต้องทำมาหากินในแต่ละวันเช่นกัน   


แชร์ข่าวนี้