หมอพรเทพ ลั่นให้เขาเปิดกิจการเถอะ! ห่วงคนไม่มีกิน แนะพิจารณา เวลา-คน-สถานที่

215
แชร์ข่าวนี้

รายการ “เรื่องลับมาก (no censor)” ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.20-15.00 น. ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 วันนี้ (27 เมษายน 2563) “ดร.เสรี วงษ์มณฑา” เปิดใจสัมภาษณ์ “นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์” นายกสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย วันที่ยอดผู้ติดเชื้อ 53 คน มันเกิดอะไรขึ้น และหลังจากนี้จะเปิดอะไรได้ และอะไรที่ยังไม่ควรเปิด มีเงื่อนไขอย่างไร

วันนั้นทำให้ตกใจกันมาก อยู่ดีๆ 53?

“ที่ด่านสะเดา เรามีสถานกักคนเลี่ยงหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย ไม่ได้มีที่นี่เดียว มีสวนพลู แม่สาย แม่สอด อีสาน เหนือ มีหลายที่ ที่คนเข้าเมืองเยอะๆ พอจะทำผิดกฎหมายจะส่งกลับ จะไปไหนล่ะ ก็ต้องทำห้องให้เขาอยู่ ทีนี้จังหวัดที่มีคนเข้ามามาก ส่งออกไม่ได้คือที่สะเดา เพราะเป็นโรฮิงญา พม่าไม่รับ อยู่กันเป็นร้อยเลยนะ แล้วเราก็ส่งไปประเทศที่สาม ทยอยไป วันนี้โรฮิงญาค้างอยู่ 30-40 คน แล้วมีลาว กัมพูชา อินเดียเข้ามา ก็กำลังจะส่งกลับ เอาไปไว้ที่สะเดา รวมๆ แล้ว 40-50 คน วันดีคืนดี มีเจ้าหน้าที่ ตม.ป่วยขึ้นมา เขาสอบสวนเจอก็อาจเข้าไปห้องนี้ ก็เลยตรวจเชิงรุก พอตรวจไปตรวจมา 42 คนจาก 47 คนมีเชื้อ แต่ไม่มีอาการ แข็งแรงมาก บางคนอยู่มา 3 เดือนไม่มีอาการ สอบสวนไปสอบสวนมา ตายล่ะหว่า คนที่จับมาจากโกลก ซึ่งโกลกเขาไม่มีที่กักแบบนี้ ก็เอามาอยู่ที่นี่ เขาก็เอาเชื้อมาด้วย” 

แปลว่าเข้ามาโดยไม่ได้คัดกรอง?

“คัดแล้วแต่วันนั้นไม่มีเลยมาฝากไว้ แต่พอเข้ามา 3-4 วัน ก็เริ่มมีอาการ ตรงนี้เป็นอุทหรณ์ที่สำคัญ” 

มีด่านอื่นอีก?

“มีเยอะ จุดต่างๆ ที่กักคนหนีเข้าเมือง เข้าใจว่าทางตรวจคนเข้าเมืองก็กำลังทำมาตรการแน่นหนา ต่อไปนี้ห้ามใครเข้ามา ต้องอยู่ในห้องกัก 14 วัน จะไปรวมคนอื่นไม่ได้ เพราะเราไม่รู้ว่ามีเชื้อหรือมีอาการไม่มีอาการยังไง  กระทรวงสาธารณสุขได้แนะนำไปแล้วว่าจะจัดการอย่างไร หวังว่าเราจะได้ป้องกันตรงนี้ให้ดี”

เป็นอุทาหรณ์ยังไง?

“คนที่อยู่กันแออัดยัดเยียดใครจะเข้าออกขอให้น้อยที่สุด ใครเข้าไปอยู่ด้วย ต้องแยกกักไว้ก่อน 14 วัน จะรู้ได้ไงว่าป่วยแล้วมีอาการหรือไม่มีอาการ บทเรียนเยอะนะ ตั้งแต่สถานที่คุมประพฤติ สถานที่เด็กคนแก่ ต้องทำมาตรฐานค่อนข้างเข้มงวด”

มาตรการที่จะทำกับคนเข้ามาใหม่ เข้มขึ้นกว่าเดิมหรือยัง?

“ได้ออกคำสั่ง ประกาศตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อว่า 4 ประเทศรอบบ้านเรา รวมทั้งอินโดฯ เป็นเขตติดโรค ใครจะเข้ามาต้องเข้มหนัก มีมาเลย์ พม่า กัมพูชา ลาว อินโดฯ ต้องเข้มเลยนะ”

บางคนไม่ยอมตรวจในประเทศที่ตัวเองอยู่ หนีมาเมืองไทยจัดการยังไง?

“มีทางเดียว ต้องให้ฝ่ายปกครองกับความมั่นคงเข้มให้มาก แล้วที่น่ากลัวที่สุดคือที่มีพรมแดนเป็นแม่น้ำ น้ำฤดูกาลนี้มันแห้งขอด เดินข้ามกันได้เลย ณ จุดที่เสี่ยงทั้งหลายต้องทำผนังกั้นหรือวางลวดหนามห้ามข้ามมาเลย ไม่งั้น 24 ชม. เราจะไปตรวจได้ยังไงดึกๆ ดื่นๆ เมื่อวันก่อนเจอพม่าในไร่อ้อยเกือบ 20 คน หนีกันเข้ามา คนนำเข้ามาก็เก็บเงิน 2,000-3,000 บาท พาเดินเข้ามา อย่างนี้น่ากลัวมากนะ เราทำกันแทบตาย หยุดเชื้อเพื่อชาติ เราจะเหนื่อยเลย”

อะไรควรเปิด อะไรควรปิด?

“เอาเกณฑ์มาตรฐานง่ายๆ คิดแบบชาวบ้าน มี 3 องค์ประกอบ คือ เวลา-คน-สถานที่ ถ้ากิจการใดมีคนมาอยู่ด้วยกันเกินชั่วโมงถือว่ามีความเสี่ยงสูง สองต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงอันนี้โอเค ถ้าท่านมีกิจการใด ถ้าใช้เวลามาก ตัดซะ ถ้าขึ้นเครื่องบิน มันไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง ก็อยู่ในกลุ่มเสี่ยงแล้ว เราแก้ได้ด้วยการป้องกัน ทีนี้เรื่องคน กิจกรรมใดก็ตามถ้ามีคนเข้ามารับบริการเดี่ยวๆ เสี่ยงน้อย แต่ถ้าเข้ามาเป็นกลุ่มก็ไม่เป็นไร สัก 3-4 คน แต่บางกิจการ 50-100 อย่าเลย เช่น คอนเสิร์ต สนามมวย ดูหนัง ที่สำคัญห้องนั้นสถานที่นั้นโปร่งหรือติดแอร์ ถ้าโปร่งไม่มีอะไรลมผ่านตลอด รีบๆ เปิดให้เขาทำธุรกิจกัน”

อยู่ด้วยกันไม่เกินครึ่งชั่วโมง จำนวนคนไม่มาก อยู่ในสถานที่โล่ง?

“ก็ขอให้เขาเปิดเถอะ อีกเรื่องที่สำคัญ คนอยู่ในนั้นอย่าให้เคลื่อนย้ายปะปน เจอกันเยอะๆ ให้อยู่กันแยกๆ”

หมอแบ่งเป็นเสี่ยงสูง เสี่ยงปานกลาง เสี่ยงต่ำ ไล่จากเสี่ยงต่ำ?

“สวนสาธารณะต้องเปิดให้เขา แต่ห้ามนั่งคุยกันเยอะๆ ร้านอาหารเปิดโล่งเปิดไป สนามเด็กเล่นเปิดโล่งเปิดไป ร้านขายของใช้ในชีวิตประจำวันก็เปิดไป จะได้ทำมาหากินกัน ร้านนวด อยู่กันนานกว่า 1 ชั่วโมง ก็ให้นวดแค่ครึ่งชั่วโมงซะ นวดเท้าซะ หรือยกมาไว้นอกห้องแอร์ นี่ยกตัวอย่าง ตัดผมก็ต้องมีสองโต๊ะ ตัดผมอย่าให้เกิน 1 ชั่วโมง ห้างถึงติดแอร์ก็ใหญ่มากก็ไม่เป็นไร โซนร้านอาหาร ร้านนวดต้องทำยังไงให้มีระยะห่าง และอยู่อย่านานเกิน 1 ชั่วโมง ถ้าทำไม่ได้ ก็ใช้มาตรการความเสี่ยงต่ำมาช่วย อย่างร้านนวดก็ไปเปิดตรงที่มีพัดลมซะ อย่างรถบัส พยายามอย่าเปิดแอร์กัน เอารถไม่มีแอร์มาใช้เยอะๆ รถตู้นี่อันตราย ใช้ได้แต่ห้ามขับเกิน ถ้าอยู่สั้นๆ ไม่เกินชั่วโมงหรือครึ่งชั่วโมงก็ให้ ถ้าเกินต้องหยุด รถไฟถ้าตู้เป็นพัดลมทำเยอะๆ เราก็จัดให้นั่งห่างๆ เปิดหน้าต่างให้หมด อันนี้ผ่าน แต่ถ้าเป็นรถติดแอร์ รถราง อย่าให้เกินครึ่งชั่วโมงได้มั้ย แล้วทำความสะอาดตู้ซะ รถ ขสมก. ถ้าติดแอร์อันตรายมาก ชั่วโมงครึ่งท่านต้องให้หยุด แล้วให้เขาลงมาไปเข้าห้องน้ำก็ว่ากันไป แล้วทำความสะอาดสักรอบก่อน เอาสเปรย์พ่นๆ ให้หมด การเดินทางไปต่างจังหวัดก็อันตราย ส่วนเครื่องบิน ต้องพ่นฆ่าเชื้อ ห้ามจ่ายน้ำอาหาร ห้ามทำกิจกรรม คนขึ้นกรุณาอย่าดื่มน้ำมากนัก เดี๋ยวต้องปัสสาวะ เครื่องบินในเมืองไทย ห้ามใช้ห้องน้ำบนเครื่องบินเพราะมีอะไรปะปนเยอะแยะ จะเจอน้ำมูกน้ำลายก็ในห้องน้ำนี่แหละ”

คนขึ้นคนใส่แพมเพิร์ส?

“ไอเดียดี (หัวเราะ) น่าจะแจกแพมเพิร์ส อะไรก็ตามที่เข้าไป ทำสติดีๆ ทำตัวเองให้เรียบร้อย”

ไปสำรวจมา มีคนจำนวนหนึ่ง 4-5% ไม่ยอมใส่หน้ากาก ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น เพราะบอกว่าคนหนุ่มสาวแข็งแรง ติดแล้วไม่เป็นไร?

“น่ากลัวมากเลย ทำไมยุโรปตายเป็นหมื่นเพราะไม่ยอมใส่หน้ากาก วันนี้ก็ยังไม่ยอมใส่เลย อเมริกาด้วย ฟลอริด้าเปิดแล้วนะ ไปเที่ยวกันสนุกสนาน เดี๋ยวเถอะครับจะตายกันมากมาย อย่าคิดว่าหนุ่มสาวไม่ตายไม่ป่วยนะ ถ้ากินเหล้า ใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย อ้วนด้วยนะ ความดันขึ้น ไขมันในเลือดสูง พวกนี้ตายได้เลย ขอร้องคงลำบากแล้วนะ ถึงเวลาจับปรับ ใช้ยาแรงแล้วมั้ง ใช้กฎหมายเล่นงาน”

“ขออีกอย่าง อยากขอให้พวกไอดอลของเยาวชน ทำเป็นตัวอย่างหน่อยสิครับ ท่านนักร้อง นักดนตรี นักแสดงใส่หน้ากากหน่อย ทำหน้ากากที่น่ารักๆ มา แล้วขายด้วย มาหาเงินรณรงค์ช่วยหมอช่วยคนจนก็ได้ สร้างกระแสว่าใส่หน้ากากเท่ อันหนึ่งเลยที่เวียดนามเขาป่วยน้อยมากๆ เพราะเขาใส่หน้ากากมายาวนานมาก ทุกวันนี้ยังใส่หน้ากากอยู่เลย”

ตอนเราเข้มๆ ไปไหนรถว่าง แต่ 2-3 วันนี้รถแน่นขึ้น แสดงว่ามีการออกมาจากบ้านเยอะขึ้น แบบนี้แสดงว่าการ์ดตกมั้ย?

“มันไม่มีเงิน ไม่มีอาหารจะกิน ก็ต้องเริ่มทำมาหากินกัน หลายกิจการก็เริ่มเปิด แต่ขอร้องอย่างนี้ได้มั้ย ท่านเจ้าของกิจการ พยายามหามาตรการวิถีชีวิตใหม่ ให้ทำงานที่บ้านดีกว่ามั้ย หลายบริษัทที่ผมรู้ เขาเปลี่ยนกันหมด เขาให้เจอในโซเชียลมีเดีย ก็ขอร้องว่าถ้าไม่จำเป็นก็อย่าออกมา ถ้าออกมาเมื่อไหร่โอกาสแพร่กระจายก็มากขึ้น แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็อย่าลืมพกเจลแอลกอฮอล์ ใส่หน้ากากตลอดเวลา”

มีเสียงเรียกร้องให้ตรวจเชิงรุก ตรวจให้เยอะขึ้น ตรวจทุกคนได้มั้ย?

“ไม่คุ้มเลย ผมเห็นแล้วอเมริกาตรวจกันเละ แล้วไม่ใส่หน้ากาก แล้วจะตรวจได้หมดยังไงทุกคน คนหนึ่ง 3 พันกว่าบาท และซื้อน้ำยาจากต่างประเทศมาเกือบ 2 พันบาท แต่ตอนนี้ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและหลายคณะแพทย์ ทำสารตรวจพันธุกรรม ใช้เงินพันกว่าบาท ตรวจจากน้ำลายนี่แหละ เชื้อพบใกล้เคียงกันมาก โอกาสมีผลลบผลบวกที่ไม่จริงมีน้อยมาก เราเริ่มใช้น้ำลายตรวจกันแล้ว ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขกำลังระดมนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ เทคนิคการแพทย์ ช่วยกันผลิตตรงนี้ ร่วมกับมหาวิทยาลัยจริงจัง”

หมาแมวที่บอกว่าให้ช่วยระวังคืออะไร?

“แมวติดโรคโควิดง่ายมากๆ เพราะเธอชอบหนีเที่ยว ไปที่ไหนก็เลียไปเรื่อย บางทีไปเจอคนหน้าตาดีๆ ก็เลีย เลียมือ แล้วคนนี้อาจเป็นโควิด ซึ่งแมวติดแล้วมีอาการน้อยนะ เรายังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าแมวที่ติดโควิดเอามาติดคนได้หรือเปล่า เราก็ป้องกันไว้ก่อน อย่าให้แมวหนีเที่ยว ต้องขัง ถ้าหนีเที่ยวก็อย่าให้เข้าบ้าน ให้อยู่นอกบ้าน หมาก็เหมือนกัน แต่ติดยากกว่าแมว”

การ์ดอย่าตก ต้องทำยังไง?

“ให้ระลึกไว้ตลอดเวลาว่าเราไปที่ไหนไม่รู้ใครป่วยบ้าง เวลาไปไหนไม่รู้มีใครจาม ไอกระเด็นเอาไว้ ไปไหนเอามือซุกกระเป๋าเอาไว้ เข้าลิฟท์พยายามอย่าไปแตะ พี่น้องประชาชนก็ต้องมีหน้ากากเป็นหลัก ล้างมือให้ตลอดเวลาเป็นนิสัย ซึ่งตอนนี้คนไทยก็ทำจนติดเป็นนิสัยไปแล้ว”

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : sanook


แชร์ข่าวนี้