เรือใบฟอร์มยังโหด ถล่มแหลก เบิร์นลีย์ เละเทะ 5-0 ตามหงส์ 20 แต้ม

212
แชร์ข่าวนี้

เริ่มเกมในครึ่งเวลาแรก เป็นเจ้าบ้านที่เปิดเกมบุกเข้าใส่ตามฟอร์ม ส่วนผู้มาเยือนถอยไปแพ็คเกมรับและรอโอกาสสวนกลับอย่างใจเย็น

ผ่านมาได้ 15 นาที เรือใบสีฟ้า มีโอกาสได้ลุ้นก่อนจากจังหวะจ่ายเข้าเขตโทษของ ซิลบา ให้กับ แบร์นาโด้ แต่งหนึ่งจังหวะก่อนซัดเต็มข้อแต่บอลหลุดกรอบออกไป

กระทั่งนาทีที่ 22 แมนฯ ซิตี้ มาได้ประตูออกนำ 1-0 จากลูกยิงไกลนอกกรอบของ ฟิล โฟเด้น ที่กดด้วยซ้ายบอลพุ่งแรงทำให้ นิค โป๊ป ปัดไม่พ้นปลื้นเข้าประตูไป

หลังจากนั้นเจ้าถิ่นยังเป็นฝ่ายครองบอลหาช่องเจาะหวังเอาประตูที่สอง แต่แนวรับของผู้มาเยือนยังคงป้องกันเอาไว้ได้เป็นอย่างดี

แต่แล้วนาทีที่ 43 ซิตี้ มาได้ประตูที่ 2 ตามที่ต้องการ จากจังหวะดวลเดี่ยวกับกองหลังของ ริยาด มาห์เรซ ก่อนซัดด้วยขวาเข้าประตูไป

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เจ้าบ้านมาได้จุดโทษจาก กุน อเกวโร ที่ถูก เบน มี สกัดเข้าที่ข้อเท้าจนเล่นต่อไม่ไหว จึงเป็น มาห์เรซ ที่รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาด และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นำห่าง 3-0

เริ่มเกมในครึ่งเวลาหลังได้เพียง 6 นาที แมนฯ ซิตี้ มาได้ประตูที่ 4 จากจังหวะหลุดเข้าเขตโทษของ แบร์นาโด้ ก่อนจะตบเข้ากลางให้ ซิลบา ชาร์จจ่อ ๆ เข้าไปไม่เหลือ

ต่อมานาทีที่ 63 ทีมของ เป๊ป มาได้ประตูที่ 5 จากจังหวะต่อบอลเข้าเขตโทษ แบร์นาโด้ ตัดเข้ากลางให้ เชซุส ยิงไปเข้าทาง โฟเด้น กคจ่อ ๆ เข้าไป

ช่วงเวลาที่เหลือ เจ้าถิ่นมีโอกาสได้จบอยู่บ้างแต่ยังไม่สามารถเปลี่ยนเป็นสกอร์เพิ่มได้ เช่นเดียวกับทีมเยือนที่แทบหาจังหวะบุกโต้กลับไม่ได้เลย

จนกระทั่งจบ 90 นาที แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านยำใหญ่ เบิร์นลีย์ ยับเยิน 5-0 เก็บสามแต้มได้สำเร็จ แต่ก็ยังมีแต้มตามหลังลิเวอร์พูล ทีมจ่าฝูง ถึง 20 แต้ม

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

แมนฯ ซิตี้ : เอแดร์ซอน โมราเอส – ชูเอา คานเซโล่, นิโกลัส โอตาเมนดี้, แฟร์นันดินโญ่ (เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์ น.61), โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ – ฟิล โฟเด้น (ลีรอย ซาเน่ น.79), โรดรี้, ดาบิด ซิลบา – ริยาด มาห์เรซ (เควิน เดอ บรอยน์ น.61), เซร์คิโอ อเกวโร่ ”กุน” (กาเบียล เชซุส น.45+2), แบร์นาร์โด้ ซิลวา

 เบิร์นลี่ย์ : นิค โป๊ป – แม็ทธิว โลว์ตัน, เจมส์ ทาร์คอฟสกี้, เบน มี, ชาร์ลี เทย์เลอร์ – จอช บราวน์ฮิลล์, แอชลี่ย์ เวสต์วู้ด, แจ็ค คอร์ก, ดไวท์ แม็คนีล – มาเตจ วีดร้า (แม็กซ์ ทอมป์สัน น.88), เจย์ โรดริเกซ  (เอริค ปีเตอร์ส น.60)

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : sanook


แชร์ข่าวนี้