“ศักดิ์สยาม” เริ่มพัฒนาพื้นที่ด่วน ทูตญี่ปุ่นพอใจการขับเคลื่อน EEC

262
แชร์ข่าวนี้

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยความคืบหน้าโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โครงการพัฒนาสถานีกลางบางซื่อสู่เมืองอัจฉริยะ (Smart City) ความร่วมมือด้านความ ปลอดภัยทางถนน (Road Safety) และการยกระดับความร่วมมือด้านขนส่งและโลจิสติกส์ให้ทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยคนใหม่ทราบโดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ 3 โครงการที่มีบริษัทญี่ปุ่นเข้ามาร่วมลงทุน อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน “ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา” ซึ่งขณะนี้การส่งมอบพื้นที่งานก่อสร้างให้เอกชนเป็นไปตามกรอบเวลา

โครงการก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก ซึ่งล่าสุดได้มีการลงนามกับเอกชนผู้ชนะการประมูลเรียบร้อยแล้ว และโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ที่อยู่ระหว่างตกลงราคากับผู้ประมูล คาดว่าจะได้ข้อสรุปอย่างช้าในเดือน ส.ค.นี้ ทั้งนี้ ญี่ปุ่นแสดงความพอใจภาพการดำเนินนโยบายพัฒนาพื้นที่ EEC ของไทยว่าสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริงโดยรัฐบาลไทยยืนยันว่า จะสามารถเปิดให้บริการโครงการต่างๆได้ภายในปี 68 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อภาครัฐ และนักลงทุนของญี่ปุ่น อันเป็นประโยชน์ต่อการลงทุนของทั้ง 2 ประเทศ

นอกจากนี้ ยังได้แจ้งให้ญี่ปุ่นทราบถึงนโยบายรัฐบาลไทยในการขยายพื้นที่พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษไปยังภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้ ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบให้สภาพัฒน์ เป็นผู้วางแผนด้วย ในส่วนของกระทรวงคมนาคมยังได้ดำเนินนโยบายแผนแม่บทโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หรือมอเตอร์เวย์ กับโครงการรถไฟทางคู่ ระยะทางกว่า 6,000 กม.ทั่วประเทศเพื่อเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคของไทย และประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะมีการศึกษาออกแบบในปี 64 รวมถึงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกอ่าวไทยและอันดามันเพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมในภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นพร้อมสนับสนุนด้านเทคโนโลยีระบบอุโมงค์ที่จะเชื่อมต่อทางด่วนเป็นการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดให้ไทย ซึ่งญี่ปุ่นมีเทคโนโลยีที่จะช่วยประหยัดงบประมาณ ดังนั้น กระทรวงคมนาคมจะตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อทำการศึกษาต่อไป รวมถึงนำระบบ BigData มาใช้ในระบบขนส่งทางรางด้วย

cr. ไทยรัฐ


แชร์ข่าวนี้