จับแพทย์หญิงเก๊คาเสื้อกาวน์รพ.ดัง เดินป่วนเปี้ยนเรียกเก็บค่าเอกซเรย์จากผู้ป่วย

218
แชร์ข่าวนี้

จับแพทย์หญิงเก๊คาเสื้อกาวน์รพ.ดัง เดินป่วนเปี้ยนเรียกเก็บค่าเอกซเรย์จากผู้ป่วย อ้างต้องการโกหกสามีว่าเป็นแพทย์หญิงของโรงพยาบาล

เมื่อวันที่ 28 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา นางมณีรัตน์ สันทัดค้า รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโรงพยาบาลยโสธร เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.ยุทธนา โพธิ์ทอง รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองยโสธร จ.ยโสธร เพื่อดำเนินคดีกับ นางโสภิณ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี ชาว ต.น้ำอ้อม อ.ค้อวัง จ.ยโสธร ในข้อหาสวมเครื่องแบบเจ้าพนักงานโดยไม่มีสิทธิ์

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากหลังจากเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมตัวนางโสภิณได้ ขณะกำลังขึ้นรถโดยสารประจำทางอยู่บริเวณด้านหน้าโรงพยาบาลยโสธร และสวมเสื้อกาวน์ขาวของแพทย์หญิงของโรงพยาบาลยโสธร โดยมีตราชื่อของโรงพยาบาลยโสธรอยู่ที่กระเป๋าเสื้อหน้าอกด้านซ้าย และมีชื่อ พญ.โสภิณ ปักอยู่ที่เสื้อบริเวณหน้าอกด้านขวา

เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางโรงพยาบาลยโสธร ได้รับการร้องเรียนจากผู้ป่วยและญาติของผู้ป่วย ว่ามีแพทย์หญิงของโรงพยาบาลยโสธร เรียกเก็บเงินเพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาล และค่าเอกซเรย์คนละ 400 บาท โดยผู้ป่วยต้องจ่ายเงินโดยตรงกับแพทย์หญิงคนดังกล่าว จนสร้างความเสียหายให้กับโรงพยาบาลยโสธร เพราะไม่มีนโยบายที่จะให้แพทย์หรือบุคลากรของโรงพยาบาล ไปเรียกเก็บเงินโดยตรงกับผู้ป่วย อย่างไรก็ตาม การจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาล จะต้องจ่ายผ่านทางช่องจ่ายเงินของทางโรงพยาบาลเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลยโสธรสังเกตเห็นหญิงคนดังกล่าว ที่แต่งกายเลียนแบบแพทย์หญิงเข้ามาในโรงพยาบาล พร้อมกับเดินป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณหน้าห้องเอกซเรย์ของโรงพยาบาล

จากการตรวจสอบรายชื่อของแพทย์พยาบาลในโรงพยาบาล ไม่ปรากฏว่ามีชื่อแพทย์หญิงคนดังกล่าว จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่คอยสังเกตดูพฤติกรรม ก่อนจะแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมตัว พร้อมกับนำตัวเข้าห้องควบคุมผู้ต้องหาภายในสภ.เมืองยโสธร ทันที เพื่อรอให้ผู้เสียหายเข้าไปชี้ตัว และแจ้งข้อหาเพิ่มอีกครั้ง

ด้าน นางโสภิณ กล่าวว่า สาเหตุที่แต่งกายเลียนแบบแพทย์หญิง เพื่อต้องการโกหกสามีว่าเป็นแพทย์หญิงของโรงพยาบาลยโสธร เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาสวมเครื่องแบบเจ้าพนักงานโดยไม่มีสิทธิ์ ส่วนข้อหาอื่นต้องรอให้มีผู้เสียหายไปชี้ตัว และแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้ง

cr. ข่าวสด


แชร์ข่าวนี้