รู้หรือไม่? ทำไมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปต้องเป็นเส้นหยักๆ มีเหตุผลซับซ้อนที่คิดไม่ถึง

เฉลยแล้ว ทำไมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปต้องเป็นเส้นหยัก เป็นเส้นตรงๆ ไม่ได้เหรอ ความจริงมีเหตุผลซับซ้อนที่คิดไม่ถึง

เมื่อพูดถึง “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” หรือที่คนไทยเรียกกันจนติดปากว่า “มาม่า” นับเป็นอาหารที่ทุกคนต้องรู้จักกันเป็นอย่างดี และอยู่คู่กับคนไทยมาตลอดหลายสิบปี โดยเฉพาะในยามที่ต้องประหยัดอดออมหรือยามหิวด่วนขึ้นมา ก็เป็นทางเลือกที่สะดวกและรวดเร็ว อีกทั้งยังอิ่มท้องในราคาถูก ซึ่งเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนั้นถูกนำไปเป็นส่วนประกอบในอาหารอีกหลายๆ เมนู จนกลายเป็นจานโปรดของใครหลายคน

เหตุผลที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ต้องเป็นเส้นหยัก?

เกิดจากกระบวนการผลิต โดยขั้นตอนการผลิต เมื่อได้แป้งที่ผสมน้ำนวดจนเหนียวนุ่มได้ที่ก็จะผ่านเครื่องรีด แล้วก็จะผ่านเข้าหวีตัด ทำให้เป็นเส้นๆ ออกมา ซึ่งจังหวะที่เข้าเครื่องตัดเส้น เส้นที่ถูกลำเลียงมาอย่างเร็วก่อนหน้านี้จะถูกชะลอในสายพานถัดไป ทำให้เส้นที่ไหลตามมาชนและเกิดการบีบอัดเกิดขึ้นจนยับย่น เหมือนที่คนวิ่งๆ ตามกันมา ปรากฏว่าคนแรกวิ่งชนเสา คนอื่นก็เลยชนแล้วก็หยุดตามกันทั้งแถว การผลิตเส้นมาม่าก็เหมือนกัน เมื่อความเร็วถูกเบรกลงก็เลยทำให้เส้นเป็นคลื่นย่นๆ ต่อมาเส้นที่ตัดแล้วจะเข้าสู่สายผ่านตู้นึ่งซึ่งเคลื่อนที่เร็วอีกครั้ง คลื่นย่นๆ ก็จะคลายออกเป็นคลื่นที่ความถี่ห่างขึ้น หลักการเดียวกันกับเวลาเอามาต้มกิน เมื่อโดนความร้อน คลื่นก็จะคลายตัวขึ้นอีก

แต่เหตุผลที่เป็นเส้นหยักยังมีอีกหลายอย่าง อาทิ ประโยชน์ของการเป็นเส้นหยักนั้น ช่วยลดการแตกหักได้ดีกว่าเส้นตรง เพราะลักษณะที่เป็นคลื่น ขึ้นๆ ลงๆ จะรับน้ำหนักได้ดีกว่า นอกจากนี้ยังควบคุมปริมาณให้อยู่ในไซซ์ที่กำหนดได้ เป็นการประหยัดพื้นที่บรรจุใส่ซอง

ด้วยลักษณะเฉพาะของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นของทอดกรอบ แต่จะเปลี่ยนสภาพเป็นเส้นนุ่มและยาวเหมือนกับเส้นบะหมี่สดเมื่อแช่ในน้ำร้อน 2-3 นาที การพัฒนาผลิตภัณฑ์ลักษณะดังกล่าวในเชิงอุตสาหกรรม ต้องคำนึงถึงขั้นตอนการผลิตเส้น การบรรจุ การขนส่ง เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ถึงมือลูกค้าในสภาพที่ดีที่สุด

การผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในลักษณะที่เป็นเส้นตรงยาวๆ ประกอบกับเป็นของกรอบ จึงเป็นไปไม่ได้หากทำเป็นเส้นตรงจริง สายการผลิตจะต้องยาวมาก แต่ละห่อจะยาวกว่า 1 ไม้บรรทัด ทำให้แตกหักง่าย ยากต่อการขนส่ง สิ้นเปลืองบรรจุภัณฑ์ และผู้บริโภคซื้อไม่สะดวก ลวกใส่ชามได้ยาก ต้องหักก่อน จะไม่ได้เส้นบะหมี่ยาวเหมือนบะหมี่สด จึงได้พัฒนาสายการผลิตให้ได้บะหมี่เส้นหยิกเป็นก้อนตามที่เห็น

นอกจากนี้ เส้นหยักของบะหมี่นั้นจะทำให้เส้นสามารถอุ้มน้ำซุปได้ดี อีกทั้งรับประทานง่ายไม่ว่าจะใช้ส้อม หรือตะเกียบ เส้นก็จะไม่ลื่นไหลหรือดีดน้ำซุปกระเด็นเหมือนกินก๋วยเตี๋ยวนั่นเอง

ต้นกำเนิดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

ผู้ที่คิดค้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็คือ “โมโมฟูกุ อันโด” ชายชาวญี่ปุ่นและยังเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท นิชชิน ที่เป็นหนึ่งในบริษัทบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยอดฮิตในปัจจุบันนั่นเอง เริ่มต้นจากปี 2501 ประเทศญี่ปุ่นผ่านการแพ้สงครามโลก ทำให้อาหารและข้าวของต่างๆมีราคาแพง นายอันโดจริงคิดค้นการทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปด้วยตัวเองหลายต่อหลายครั้ง
จนในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ โดยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสแรกของโลกก็คือ “ชิกิ้น ราเมน” เป็นการเอาเส้นราเมนที่ผสมกับน้ำซุปกระดูกไก่ นำมาทอดในน้ำมันปาล์มเพื่อขจัดความชื้น ทำให้สามารถเก็บไว้ในระยะยาวได้ และเมื่อต้องการทานก็แค่เติมน้ำร้อนเท่านั้น นับว่าเป็นการประสบความสำเร็จครั้งสำคัญของนายอันโดเลยทีเดียว ปัจจุบันบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรส “ชิกิ้น ราเมน” ก็ยังคงเป็นที่นิยมของผู้คนทั่วไป

โมโมฟูกุ อันโด
หลังจากนั้นก็มีบริษัทผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเกิดขึ้นมากมายทั้งใน อเมริกา จีน ไต้หวัน เกาหลีใต้และ ไทย เป็นต้น โดยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้เริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงปี พ.ศ. 2514-2515 ซึ่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อแรกคือ “ซันวา” ซึ่งนำต้นแบบมาจากประเทศญี่ปุ่นที่ต้องต้มก่อนกิน

หลังจากนั้นก็มียี่ห้อ ยำยำ ไวไว ส่วนมาม่าเป็นแบรนด์ที่ 4 ที่ถือกำเนิดในประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515 โดยนำต้นแบบมาจากประเทศไต้หวันที่เพียงแค่เติมน้ำร้อนก็สามารถทานได้ทันที

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : sanook

ศาล รธน. วินิจฉัย “พิธา-พรรคก้าวไกล” เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง

องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นัดประชุมเพื่อแถลงด้วยวาจา กรณี นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร อดีตทนายความอดีตพระพุทธะอิสระ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่าการกระทำของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขณะนั้น ในฐานะผู้ถูกร้องที่ 1 และ พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ถูกร้องที่ 2 เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่…) พ.ศ. … เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งและยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่

เวลา 14.00น. องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟัง

ศาลรัฐธรรมนูญ แถลงคำวินิจฉัยว่า คดีเป็นปัญหาข้อกฎหมาย และมีหลักฐานเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ ว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสอง เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองในระบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือไม่

ข้อเท็จจริงตามคำร้อง ระบุว่า เมื่อ 25 มี.ค. 2564 ผู้ถูกร้อง และ สส.ของพรรคก้าวไกล รวม 44 คน  เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่…) พ.ศ. … เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งและยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ผู้ถูกร้อง ยังมีการจัดกิจกรรมทางการเมือง และการแสดงออกทางออนไลน์ หลายต่อหลายครั้ง ในเรื่องของการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

ประเด็นที่ต้องพิจารณามีอยู่ว่า พฤติกรรมของผู้ถูกร้อง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือไม่

ศาลเห็นว่า การที่สังคมจะอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข เป็นระบบ ระเบียบ เรียบร้อย ต้องมีกฎหมายบังคับใช้ โดยมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ กฎหมายอื่นใดจะขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมิได้ กระบวนการตรากฎหมาย ต้องชอบด้วยรัฐธรรมนูญ แม้การเสนอนร่างกฎหมาย จะเป็นวิธีการทางรัฐสภา ซึ่งฝ่ายนิติบัญญัติมีอำนาจโดยชอบ แต่เมื่อผ่านร่างกฎหมายแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญยังมีอำนาจในการตรวจสอบว่า กฎหมายใดๆ นั้น มันเป็นการขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ การเสนอกฎหมายโดยฝ่ายนิติบัญญัติ จึงเป็นการกระทำที่สามารถตรวจสอบได้ ว่าเป็นความพยายามล้มล้างการปกครองหรือไม่

คำว่า ระบอบประชาธิปไตย เป็นรูปแบบการปกครอง ที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย และคำว่า อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นการให้ความหมายประมุขของรัฐ ว่า ประเทศปกครองโดยมีประมุขของรัฐรูปแบบพระมหากษัตริย์

ประมวลกฎหมาย มาตรา 112 เป็นบทบัญญัติที่มีไว้เพื่อคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์เอาไว้ การที่ผู้ถูกร้อง เสนอร่างกฎหมายแก้ไข มาตรา 112 เมื่อวันที่ 25 มี.ค. เพื่อแก้ไขเพิ่มเติม ม.112 ซึ่งอยู่ในลักษณะความผิดต่อความมั่นคงรัฐ ซึ่งให้ความคุ้มครองทั้งความมั่นคงต่อราชอาณาจักร และคุ้มครองไว้ซึ่งพระเกียรติของสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ การกระทำความผิดต่อสถาบันพระมหาษัตริย์ ย่อมถือเป็นความผิดต่อความมั่นคงของประเทศด้วย

การเสนอแก้ให้ ความผิดตามมาตรา 112 ให้ออกจากความผิดต่อความมั่นคงต่อประเทศ มีเจตนามุ่งหมาย จะแยกสถาบันพระมหากษัตริย์ และความเป็นชาติไทยออกจากกัน ซึ่งเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐอย่างมีนัยยะสำคัญ

การที่ผู้ถูกร้อง เสนอให้ ม.112 เป็นความผิดที่ยอมความได้ โดยเสนอว่าความผิดหมิ่นประมาท เป็นความผิดอันยอมความได้ โดยให้ความผิดต่อพระเกียรติฯ ให้สำนักพระราชวังเป็นผู้เสียหายร้องทุกข์ แสดงให้เห็นเจตนาว่าความผิดนี้ เป็นความเสียหายส่วนพระองค์ของสถาบัน เป็นการลดสถานะความคุ้มครองของสถาบันฯ ไม่ใช่ความเสียหายของรัฐ และมุ่งให้สถาบันกลายเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชนโดยตรง เป็นการขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ทั้งที่การกระทำความผิดตาม ม.112 เป็นความผิดที่กระทบจิตใจต่อประชาชนชาวไทย

ดังนั้น แม้การแก้ไข ม.112 จะเป็นหน้าที่ตามอำนาจนิติบัญญัติ ของรัฐสภา และไม่ได้บรรจุลงในวาระการประชุมของรัฐสภาก็ตาม แต่เมื่อการเสนอร่างแก้ไขกฎหมายดังกล่าวต่อสภา โดยสมาชิก สส.ของพรรคผู้ถูกร้องทั้งหมด และยังคงนำเสนอเป็นนโยบายในการหาเสียง เพื่อแก้มาตรา 112 และยังปรากฏนโยบายดังกล่าวอยู่ในเว็บไซต์ของพรรค เป็นโนยบายหาเสียงเลือกตั้งจนถึงปัจจุบัน

ถือได้ว่า ผู้ถูกร้องทั้งสอง เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่…) พ.ศ. … เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2564 และนำเสนอนโยบายดังกล่าวในการหาเสียง รณรงค์หาเสียงทางการเมือง เพื่อนำเสนอแนวคิดดังกล่าว เผยแพร่ต่อประชาชนทั่วไป หากประชาชนไม่รู้เจตนาที่แท้จริง อาจหลงไปตามคำรณรงค์ของพรรคผู้ถูกร้องได้

จึงถือว่า ผู้ถูกร้อง มีเจตนาการเซาะกร่อน บ่อนทำลาย สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นเหตุให้ชำรุดทรุดโทรม เสื่อมทราม อ่อนแอลง นำไปสู่การบ่อนทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์อันเป็นประมุข

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : sanook

เปิดไทม์ไลน์ “ศรีสุวรรณ” โดนรวบ หลังเรียกรับเงินอธิบดีกรมการข้าว

กลายเป็นประเด็นดังสะท้านสังคมในทันที หลังจากพี่ศรี “ศรีสุวรรณ จรรยา” เจ้าของฉายานักร้อง (เรียน) ถูกกล่าวหาว่าเรียกรับเงิน 1.5 ล้านบาทจากอธิบดีกรมการข้าว ก่อนถูกควบคุมตัวมาสอบสวนตลอดทั้งคืน เหตุการณ์นี้ทำให้โลกโซเชียลลุกเป็นไฟ เมื่อชาวเน็ตต่างให้ความสนใจคดีที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก จนหลายคนตั้งคำถามว่าหรือเหตุการณ์นี้จะเป็นจุดจบของนักร้องคนดัง

ทั้งนี้ เรื่องของคดีก็ยังต้องเข้าไปต่อสู้กันในศาล แต่คดีดังนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร ทำไมพี่ศรีถึงพลาดท่าแบบนี้ Sanook สรุปไทม์ไลน์ประเด็นร้อนของศรีสุวรรณ จรรยา ที่เชื่อว่าหลายคนอยากรู้จุดจบของเรื่องนี้เต็มทนแล้ว

พี่ศรีโดนซ้อนแผน

ก่อนหน้านี้ ศรีสุวรรณ จรรยา นักเคลื่อนไหวชื่อดัง เจ้าของฉายา “นักร้อง (เรียน)” ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่าวันศุกร์ที่ 26 ม.ค. 2567 เวลา 10.00 น. ตนจะเดินทางไปยื่นคำร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร เพื่อขอให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบผู้บริหารกรมการข้าว เนื่อจากพบข้อพิรุธที่อาจส่อไปในทางทุจริต อย่างไรก็ตาม โพสต์ดังกล่าวถูกลบออกไปในช่วงสายของวันเดียวกัน ขณะที่ศรีสุวรรณก็แจ้งยกเลิกหมายแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน

ในวันเดียวกันนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้นำหมายเข้าตรวจสอบพื้นที่เป้าหมาย 3 จุด เพื่อจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาขบวนการข่มขู่เรียกเงินจากเจ้าหน้าที่รัฐ 

เป้าหมายสำคัญคือบ้านพักของศรีสุวรรณ หลังผู้เสียหายส่งตัวแทนนำเงินสด 5 แสนบาทไปส่งมอบให้ภรรยาของศรีสุวรรณ ต่อมามีการหยิบซองเข้าไปภายในบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวขอตรวจค้น แต่ศรีสุวรรณไหวตัวทัน และพยายามวิ่งนำซองเงินไปโยนทิ้งข้างบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไล่ติดตามจนสามารถยึดคืนกลับมาได้ ก่อนจะแสดงหมายจับให้เจ้าตัวรับทราบ และควบคุมตัวไปสอบสวน

ผู้ร่วมขบวนการเรียกเงิน

ไม่ใช่แค่ศรีสุวรรณเท่านั้นที่โดนคดีนี้ แต่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลางยังได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาอีก 2 คน นั่นคือ ยศวริศ ชูกล่อม หรือ “เจ๋ง ดอกจิก” และพิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เข้าควบคุมตัวทั้ง 2 คนในวันเดียวกัน ก่อนจะส่งตัวไปตำเดินคดีที่ บก.ปปป. ต่อไป

ทั้งนี้ เจ๋ง ดอกจิก คือประธานกลุ่มรวมใจรักชาติ และเป็นหนึ่งในคณะทำงานเขตราชการที่ 11 ที่ได้รับการแต่งตั้งจากพีระพันธุ์ สาลิรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ขณะที่พิมณัฏฐา เป็นอดีตผู้สมัคร สส.อุตรดิตถ์ ​พรรครวมไทยสร้างชาติ

เปิดพฤติการณ์ต่อรองรีดทรัพย์

ในช่วงเย็นของวันที่ 26 ม.ค. ที่ผ่านมา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมกับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ได้เปิดแถลงข่าวการรวบตัวศรีสุวรรณและพวกที่เรียกรับเงินเจ้าหน้าที่รัฐ แลกกับการไม่ร้องเรียนหรือกลั่นแกล้งให้ถูกตรวจสอบ โดยใช้เวลารวบรวมหลักฐานมากกว่า 4 เดือน ซึ่งณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เป็นผู้ร้องเรียน และนำมาสู่แผนการจับกุมในครั้งนี้

พฤติการณ์ของศรีสุวรรณและพวกคือ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่ากำลังเตรียมเปิดโปงกการทุจริตในกรมการข้าว จากนั้นก็ได้ติดต่อมาเจรจากับณัฏฐกิตติ์ พร้อมยื่นข้อเสนอเรียกเงิน 3 ล้านบาท แลกกับการยุติการร้องเรียน แม้ณัฏฐกิตติ์จะมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ทำผิด แต่ศรีสุวรรณและพวกก็ยื่นเรื่องร้องเรียนพร้อมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ณัฏฐกิตติ์จึงต่อรองจ่ายเงิน 1.5 ล้านบาท โดยจ่ายเงินงวดแรกจำนวน 1.4 แสนบาท ก่อนแอบถ่ายคลิปวิดีโอตอนส่งมอบเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ณัฏฐกิตติ์และภรรยาเริ่มต้นเก็บพยานหลักฐาน ทั้งข้อความจากไลน์ คลิปวิดีโอ คลิปเสียง และข้อมูลอื่นๆ จนชัดเจนเรื่องการกระทำผิด จึงเดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ ปปป. เพื่อขอความเป็นธรรม

ศรีสุวรรณปฏิเสธข้อกล่าวหา

หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลาสอบปากคำศรีสุวรรณและเจ๋ง ดอกจิก เป็นเวลานานเกือบ 9 ชั่วโมง ศรีสุวรรณให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ก่อนวางเงินสด 400,000 บาทเพื่อขอประกันตัว โดยหลังได้รับการประกันตัว ศรีสุวรรณยืนยันว่าไม่มีการเรียกรับเงินจากอธิบดีกรมการข้าว ส่วนที่โยนเงิน 500,000 บาททิ้งข้างบ้าน เป็นเพราะตนไม่ทราบที่มาที่ไปของเงิน มีคนนำเงินมาแขวนไว้ที่บ้าน ภรรยาจึงนำเงินดังกล่าวมาให้

ศรีสุวรรณยอมรับว่ารู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่เสียขวัญและยังมีกำลังใจดี พร้อมเดินหน้าทำหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตเช่นเดิม โดยศรีสุวรรณยืนยันว่าพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ด้านเจ๋ง ดอกจิก ก็ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง พร้อมกันนั้น ก็ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 400,000 บาทเพื่อขอประกันตัว เช่นเดียวกับพิมณัฏฐา ที่ได้รับการประกันตัวด้วยหลักทรัพย์เป็นเงินสด 400,000 บาท

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : sanook

บุกรวบ “ศรีสุวรรณ” ปมเรียกเงินอธิบดี 1.5 ล้าน แลกไม่เข้าร้องเรียนคดีความ

“ศรีสุวรรณ จรรยา” ถูก ปปป. – ป.ป.ช.รวบตัว ปมเรียกเงินจากอธิบดีการข้าว กว่า1.5 ล้านบาท แลกไม่เข้าร้องเรียนคดีความ

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 26 ม.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป.นำกำลังเจ้าหน้าที่ บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. และ ป.ป.ช. นำโดย พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผอ.ปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ2 นำหมายค้นเข้าตรวจสอบพื้นที่เป้าหมายจำนวน 3 จุด ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี เพื่อจับกุมตัวผู้ต้องหาขบวนการนักเคลื่อนไหวหรือนักร้องเรียนข่มขู่เรียกเงินเจ้าหน้าที่รัฐแลกกับการไม่ร้องเรียนหรือกลั่นแกล้งให้ถูกตรวจสอบ

สำหรับปฏิบัติการครั้งนี้สืบเนื่องจากได้รับเรื่องร้องเรียนจากนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว ว่าได้ถูกนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน หรือ นักเคลื่อนไหวชื่อดัง พร้อมด้วยนายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก ประธานกลุ่มรวมใจรักชาติ และเป็นหนึ่งในคณะทำงานเขตราชการที่ 11 ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี พร้อม น.ส.พิมณัฏฐา อดีตผู้สมัคร สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ร่วมกันข่มขู่เรียกเงินจำนวน 3 ล้านบาท ก่อนจะมีการเจรจาต่อรองเหลือเพียง 1.5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการยุติเรื่องร้องเรียนโครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการปลูกข้าว และโครงการปรับปรุงการผลิตสำหรับผู้ปลูกข้าว โดยอ้างว่าพบข้อพิรุธที่ส่อไปในทางทุจริต

แต่นายณัฏฐกิตติ์ มั่นใจว่าที่ผ่านมาตนเองนั้นบริหารงานหรือปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ถูกผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย กล่าวอ้างเพื่อข่มขู่ จึงมองว่าการถูกกระทำเช่นนี้ไม่เป็นธรรมแก่ตนเอง แต่ด้วยความที่เกรงว่าหากถูกร้องเรียนโจมตีบ่อยครั้งเข้าจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง จึงยอมจ่ายเงินให้ครั้งแรกก่อนเป็นจำนวน 1.4 แสนบาท ก่อนแอบถ่ายคลิปวิดีโอตอนส่งมอบเงินเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากนั้นจึงนำมามอบให้กับพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ก่อนมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงจนเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 รายมีพฤติกรรมดังกล่าวจริง จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลางออกหมายจับ นายศรีสุวรรณ และ น.ส.พิมณัฏฐา ในข้อความผิดฐาน สนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิด พร้อมออกหมายจับนายยศวริศ ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ และ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ก่อนวางแผนให้ผู้เสียหายทำการนัดหมายส่งมอบเงินงวดต่อมาอีก 5 แสนบาท ไปส่งมอบให้ในวันนี้เพื่อซ้อนแผนเข้าจับกุม

โดยเป้าหมายสำคัญจุดแรกเป็นบ้าน พักของ นายศรีสุวรรณ ที่จังหวัดปทุมธานี หลังจากผู้เสียหายส่งคนนำเงิน 5 แสนบาท ไปส่งมอบให้กับภรรยาของนายศรีสุวรรณ กระทั่งเมื่อเห็นว่ามีการหยิบซองเงินเข้าไปภายในบ้านจริง จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นจับกุม

ระหว่างนั้นนายศรีสุวรรณ เกิดไหวตัวพยายามวิ่งนำซองเงินไปโยนทิ้งบริเวณข้างบ้าน เจ้าหน้าที่จึงวิ่งไล่ติดตามไปตรวจยึดกลับคืนมาได้ ก่อนแสดงหมายจับให้เจ้าตัวรับทราบจากนั้นจึงทำการควบคุมตัวพร้อมพาตรวจค้นภายในบ้านพัก เพื่อค้นหาพยานหลักฐานต่างๆเพิ่มเติมทางคดี นอกจากนี้ยังได้เตรียมเชิญตัวภรรยาของ นายศรีสุวรรณ ไปทำการสอบปากคำเพื่อตรวจสอบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดด้วยหรือไม่

อย่างไรก็ตาม หลังการจับกุมตัว นายศรีสุวรรณ ได้ไม่นาน ทางด้าน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์มายัง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เพื่อประสานติดต่อจะพา นายยศวริศ หรือเจ๋ง ดอกจิก กับ น.ส.พิมณัฏฐา ผู้ต้องหาอีก 2 ราย เข้ามอบตัว ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจานัดหมายสถานที่รับส่งมอบตัว

เบื้องต้น คาดว่าทั้งสองจะเข้ามอบตัวที่ สน.นางเลิ้ง ซึ่งรายละเอียดเพิ่มเติมหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจะมีการแถลงข่าวชี้แจงรายละเอียดอย่างเป็นทางการอีกครั้งภายหลังภารกิจเสร็จสิ้น

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : sanook

หมออั้ม ยกเคสแผลคีลอยด์ เตือนสักคิ้วเลือกร้านดีๆ คิ้วคนนะ ไม่ใช่หมูกรอบ

หมออั้ม อิราวัต อารีกิจ นายแพทย์ อดีตนักร้องชื่อดัง ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก อั้ม อิราวัต เป็นภาพคิ้วที่เกิดแผลนูน ตั้งแต่หัวคิ้วจรดปลายคิ้ว

พร้อมระบุว่า “เลือกร้านดีๆ ก่อนทำนะครับ คิ้วคนนะ ไม่ใช่หมูกรอบ”

หมออั้มยังได้เล่าเพิ่มเติมว่า จากภาพ คือ สักคิ้วมาไม่ดี แล้วแก้ ลบรอยสัก จนเกิดคีลอยด์-แผลเป็นนูน (เป็นเฉพาะบุคคล ปัญหาแรกสุด คือ เลือกร้านสักผิด) ซึ่งเลเซอร์ลบรอย เครื่องดีแค่ไหนก็เกิดได้ ก็ต้องฉีดคีลอยด์แก้ไขต่อไป

โดยมีคอมเมนต์หนึ่งระบุว่า “การสักคิ้วผิด ไม่ได้เกิดทุกร้าน นะคะ แถมคนที่จะสักก็ต้องดูรีวิวเยอะๆและไม่เน้นอะไรที่ราคาถูกๆ แต่ถ้าราคาถูกแล้วดีก็มีค่า แต่ต้องเลือกช่างและดูรีวิวนะคะ ไม่ต่างกับการหาคลินิกนิคเสริมความงามทำแพงก็พังถูกก็พัง ถึงบอกต้องเลือกและศึกษาดีๆค่ะ อย่าคิดว่า ร้านสักหรือร้านลบคิ้วจะแย่ไปทุกร้านเลยนะคะ”

ซึ่งหมออั้มก็มาตอบคอมเมนต์ว่า “ผมเขียนชัดเจนนะครับ ว่าเลือกร้านดีๆไม่ได้มีใครไปว่าร้านสักคิ้วอื่นๆหรืออะไรเลยนะฮะ เพราะนี่ก็เปิดร้านสักคิ้วเหมือนกัน อ่านดีๆครับ”

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : sanook

“เบียร์ เดอะวอยซ์” กลับมาแล้ว! เปิด IG โพสต์ภาพเซ็ทใหม่ บอกเลยพร้อมตบค่ะ

กลับมาให้แฟนๆ ได้หายคิดถึงแล้ว สำหรับนักร้องสาว เบียร์-ภัสรนันท์ อัษฎมงคล หรือ เบียร์ เดอะวอยซ์ หลังจากได้ปิดอินสตาแกรมเพื่อไปพักใจสักพักหนึ่ง

ล่าสุด เบียร์ เดอะวอยซ์ ได้ประเดิมภาพแรกจากการเป็นนักแสดงด้วยการสวมบทคาแร็กเตอร์นางร้าย พร้อมเขียนแคปชั่นว่า “วันนี้ละคร รักท่วมทุ่งทางช่อง 3 ออนเวลา 1 ทุ่ม หรือ 19.00 น. นะคะ เป็นนางร้ายค่ะ พร้อมตบค่ะ พร้อมตบ #รักท่วมทุ่งep1”

งานนี้ทำเอาแฟนคลับต่างเข้ามากดไลก์ให้กำลังใจกับอีกหนึ่งบทบาทของ เบียร์ เดอะวอยซ์ กันยกใหญ่ อีกทั้งยังบอกด้วยว่าขอปูสื่อรอติดตามผลงานของเธอที่จะมีให้เห็นเรื่อยๆ กันเลยทีเดียว

.

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : sanook

พลอย Pigkaploy ร่ายยาวแจงดราม่า ตอบชัดรู้ไหม #ทหารมีไว้ทำไม หมายถึงใคร

พลอย Pigkaploy โพสต์แจงแล้วหลังทัวร์ลงยับ ปมคลิปทหารมีไว้ทำไม ตอบครบทุกประเด็นที่คนสงสัย ล่าสุด เปิดคลิปให้ได้ชมแล้ว

กลายเปนประเด็นร้อนบนโลกออนไลน์ สำหรับแฮชแท็ก #Pigkaploy หลังจากที่ พลอย พลอยไพลิน หรือ Pigkaploy นักแสดง และยูทูบเบอร์สาว ได้ทำคลิปคอนเทนต์ล่าสุดลงในช่อง YouTube ของตัวเอง ในชื่อคลิปว่า “ทหารมีไว้ทำไม?” แต่เพียงแค่ตอนแรกที่ปล่อยออกมา ชาวเน็ตก็ต่างพากันเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรง จนถึงขั้นที่ต้องลบคลิปออกไป

ล่าสุด พลอย พลอยไพลิน โพสต์เฟซบุ๊ก Pigkaploy ชี้แจงแล้ว ระบุว่า “สวัสดีค่ะ พลอยขอชี้แจงประเด็นที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้ อย่างแรกเลย พลอยอยากจะอธิบายเจตนาในการทำเรื่องราวของทหารชายแดน เจตนาของพลอยก็คืออยากให้ทุกคนได้เห็นการทำงานของพี่ ๆ ทหารชายแดน

เพราะพลอยรู้สึกว่าน้อยคนที่จะได้เข้าไปเห็นการใช้ชีวิต พลอยทราบดีว่าทุกคนรู้ว่าทหารชายแดนทำอะไรบ้าง แต่พลอยอยากเล่าในมุมมองที่ว่าเขากินอะไรบ้าง อยู่ยังไงบ้างและการปฏิบัติงานเขาต้องทำงานยังไง

เห็นความตั้งใจของพี่ ๆ ทหารและความลำบาก ที่พี่ ๆ เขาต้องใช้ชีวิตที่ตะเข็บชายแดน และให้คนตั้งคำถามถึงพี่ ๆ ทหารชายแดนควรได้รับการดูแลแบบไหนและการเป็นอยู่รั้วของชาติควรเป็นอยู่แบบใด โดยเล่าผ่านภาพและมุมมองที่พลอยไปเจอ

และพลอยก็ได้ความร่วมมือจากกองทัพบกโดยตรงในการช่วยประสานงานเข้าไปดูพื้นที่ในการปฏิบัติงาน เพราะเป็นพื้นที่ต้องขออนุญาต จริง ๆ พลอยมีถามประเด็นที่หลายคนสงสัยไปในคลิปเช่นกัน แต่พลอยตัดออก เพราะพลอยไม่อยากให้พี่ ๆ ทหารชายแดน และคนที่ช่วยประสานงานให้พลอยได้รับผลกระทบ

ในส่วนของประเด็นชื่อคลิป “ทหารมีไว้ทำไม?” เป็นเพียงการนำเสนอในคลิปแรกเท่านั้นแต่ไม่ใช่ชื่อของทั้ง Project พลอยผิดจริง ๆ ที่คิดน้อยไปทำให้ประโยคนี้คนตีความไปได้หลายแบบ

แต่ถามว่าพลอยไม่ทราบจริง ๆ เหรอ? ว่าคำถามนี้คนเขาหมายถึงใคร พลอยทราบค่ะว่าเขาหมายถึงคนมีอำนาจบางกลุ่มหรือนายพลยศใหญ่ แต่ประโยคนี้พลอยเลือกมาเป็นปกคลิปหรือการปูเนื้อหาเข้าวิดีโอ เพราะพลอยได้คุยกับพี่ ๆ ทหารชายแดน ว่าเค้าได้อ่านคอมเมนต์ที่ด่าว่า แบบเหมารวมทหารทั้งหมด ถึงแม้ว่าคนที่คอมเมนต์เหล่านั้นคนจะไม่ได้หมายถึงพวกเขา

แต่พี่ ๆ เขาก็น้อยใจ และเจ็บปวดกับคำถามนี้ และพลอยก็คิดว่าการตั้งประโยคนี้ เพราะหวังว่าจะเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า ทหารจริง ๆ มีไว้ทำไม? แต่พลอยลืมคิดจริง ๆ ว่า คนจะตีความไปได้หลายแบบ อันนี้พลอยพลาดเองค่ะที่คิดไม่รอบคอบ พลอยต้องขอโทษจริง ๆ หลังจากที่เริ่มมีประเด็นพลอยก็เริ่มเห็นคนเข้ามาคอมเมนต์ไปในมุมต่าง ๆ

แต่เหตุผลที่พลอยลบคลิป หรือตั้งส่วนตัวไว้ เพราะพลอยเห็นข้อความใน X หรือทวิตเตอร์ ที่แคปมาบอกว่ามีหลาย ๆ หน่วยงานของรัฐนำคลิปพลอยไปใช้ ไม่ว่าจะแปะบนเว็ปไซต์ ดูดคลิปพลอยไป หรือทำภาพแปะข้อความที่ไม่ได้ตรงตามจุดประสงค์และความตั้งใจของพลอยตั้งใจแต่แรก

พลอยเลยลบคลิป และตั้ง private ในยูทูบ เพราะไม่ต้องการให้มีใครนำไปใช้ผิดจากที่พลอยตั้งใจไว้ จริง ๆ พลอยอยากให้ทุกคนได้ดูคลิปกัน และวิจารณ์พลอยได้เลย พลอยน้อมรับคำติชม และนำไปแก้ไขแน่นอนค่ะ แต่พลอยเห็นการนำไปใช้ที่ไม่ถูกต้องจึงขอลบและตั้งส่วนตัวไว้ก่อน

ทั้งนี้ พลอยยังเชื่อในประชาธิปไตยที่แท้จริง ที่รัฐบาลได้มาจากเสียงของประชาชน และการทำงานที่โปร่งใส

พลอยก็อยากให้ทุก ๆ คน ได้เห็นการเป็นอยู่ของพี่ ๆ ทหารชายแดน และช่วยตั้งคำถามว่า เราควรปฎิรูปกองทัพได้แล้วหรือไม่? เพื่อความเป็นอยู่และสวัสดิการที่ดีพอสำหรับทหารที่อยู่ในพื้นที่จริง ๆ นี่คือสิ่งที่พลอยตั้งใจให้คนเข้าใจค่ะ แต่อาจจะนำเสนอได้ไม่ถึง หรือไม่ดีทำให้คนเข้าใจผิด

ทั้งนี้ พลอยต้องขออภัยที่ทำประเด็นนี้ขึ้นมา จนหลายคนมองว่าเป็นการช่วยฟอกขาว พลอยไม่ได้ตั้งใจแบบนั้นจริง ๆ ค่ะ สุดท้ายนี้พลอยขอโทษอีกครั้งที่ทำให้เป็นประเด็น เกิดการเข้าใจผิด และหลายคนผิดหวัง ขอบคุณและขอโทษอีกครั้งค่ะ”

นอกจากนี้ พลอย Pigkaploy ยังเขียนในคอมเมนต์ด้วยว่า “พลอยเปิดคลิปเป็นสาธารณะแล้วนะคะ สามารถคอมเม้นท์ติชมได้เลย พลอยน้อมรับปรับเพื่อนำไปแก้ไข”

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : sanook

ค่าเงินบาทวันนี้ 19 ม.ค. 67 เปิดเช้านี้ที่ระดับ 35.54 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย

ค่าเงินบาทวันนี้ 19 ม.ค. 67 เปิดเช้านี้ที่ระดับ 35.54 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 35.58 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.40-35.65 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงินธนาคารกรุงไทย ระบุค่าเงินบาทวันนี้เปิดเช้านี้ที่ระดับ 35.54 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 35.58 บาทต่อดอลลาร์ โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ sideways (แกว่งตัวในช่วง 35.52-35.68 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะผันผวนอ่อนค่าลง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์และการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) สหรัฐฯ นั้นออกมาดีกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ย “เร็วและลึก” ของเฟด ทั้งนี้ เงินบาททยอยพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น ตามการย่อตัวลงบ้างของเงินดอลลาร์ หลังบรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ กลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง จากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ นอกจากนี้ การรีบาวด์ขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำเหนือระดับ 2,020 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็มีส่วนช่วยพยุงให้เงินบาททยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้าง

แม้ว่าผู้เล่นในตลาดจะยังคงกังวลว่าเฟดอาจไม่รีบลดดอกเบี้ยได้เร็วและลึกตามคาด หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุดยังคงสะท้อนภาพเศรษฐกิจที่สดใส ทว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็สามารถกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) จากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม Semiconductor อาทิ Nvidia +1.9% ที่ได้รับอานิสงส์จากรายงานผลประกอบการของผู้ผลิตชิพรายใหญ่ TSMC ที่ออกมาดีกว่าคาด นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของหุ้น Apple +3.3% หลังนักวิเคราะห์ปรับคำแนะนำการลงทุนเป็น “ซื้อ” ก็มีส่วนช่วยหนุนให้ดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.88%

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทอาจแข็งค่าขึ้นได้บ้าง หรืออย่างน้อยก็อาจแกว่งตัว sideways ใกล้ระดับ 35.50 บาทต่อดอลลาร์ หลังโมเมนตัมฝั่งอ่อนค่าเริ่มชะลอลง เนื่องจากผู้เล่นในตลาดได้ทยอยปรับลดโอกาสการลดดอกเบี้ย “เร็วและลึก” ของเฟดไปพอสมควรแล้วในสัปดาห์นี้ ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม อย่างไรก็ดี เราคงมองว่า เงินบาทก็ยังขาดปัจจัยสนับสนุนฝั่งแข็งค่าที่ชัดเจน โดยเฉพาะในส่วนของฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ทำให้ การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็เป็นไปอย่างจำกัด โดยเรายังคงประเมินโซนแนวรับเงินบาทแถว 35.30-35.40 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนโซนแนวต้านของเงินบาทยังอยู่ในช่วง 35.70-35.80 บาทต่อดอลลาร์

ทั้งนี้ นอกเหนือจากการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ซึ่งต้องจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เรามองว่า การปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยของทั้ง ECB และ BOE ก็จะมีผลต่อทิศทางเงินดอลลาร์เช่นกัน ดังที่จะเห็นในวันก่อนหน้าที่ เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้บ้าง หลังอัตราเงินเฟ้ออังกฤษยังอยู่ในระดับสูงกว่าคาด ซึ่งในวันนี้เรามองว่า รายงานยอดค้าปลีกของอังกฤษก็จะมีผลต่อการปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ย BOE และอาจกระทบต่อทิศทางเงินปอนด์อังกฤษและเงินดอลลาร์ได้

นอกจากนี้ ทิศทางราคาทองคำก็เป็นอีกปัจจัยที่ยังคงส่งผลต่อเงินบาท โดยเราประเมินว่า ผู้เล่นในตลาดอาจเริ่มทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ของทองคำได้บ้าง (ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวจะช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท) หากราคาทองคำปรับตัวขึ้นราว +20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สู่โซนแนวต้านแถว 2,030-2,040 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ในช่วงนี้ ความผันผวนของเงินบาทที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา (มองจากกรอบเงินบาทรายสัปดาห์) อย่างเห็นได้ชัด ทำให้เรายังคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.40-35.65 บาทต่อดอลลาร์

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : sanook

สรุปดราม่า #Pigkaploy เมื่อคลิป “ทหารมีไว้ทำไม” ทำโซเชียลเดือดปุด

เป็นประเด็นดราม่าใหม่ล่าสุด สำหรับประเด็นของ “พลอย Pigkaploy” (พิกกาพลอย) ยูทูบเบอร์สายท่องเที่ยวชื่อดัง ที่โพสต์คลิปวิดีโอล่าสุดเกี่ยวกับการทำงานของทหารชายแดน จนกลายเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียล เมื่อชื่อคลิปที่ว่า “ทหารมีไว้ทำไม” เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก ถึงขึ้นพลอยต้องลบคลิปและโพสต์ขอโทษ

เรื่องราวดราม่าร้อนที่ว่าด้วยยูทูบเบอร์และทหารล่าสุด ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง Sanook สรุปดราม่า #Pigkaploy มาให้ทุกคนได้อ่านกัน

โพสต์คลิป “ทหารมีไว้ทำไม”

วานนี้ (18 ม.ค. 67) ยูทูบช่อง Pigkaploy ของ พลอย – พลอยไพลิน ตั้งประภาพร ยูทูบเบอร์สายท่องเที่ยวชื่อดังวัย 26 ปี ได้ปล่อยวิดีโอล่าสุดของช่อง โดยใช้ชื่อว่า “ทหารมีไว้ทำไม EP.1” ตอน “ลองใช้ชีวิตเป็นทหารชายแดนเหนือ 3 วัน 2 คืน | ไทย – เมียนมาร์” ซึ่งเป็น 1 ในซีรีส์ที่จะประกอบด้วย 3 EP. ที่พลอยจะลงไปสัมผัสชีวิตการทำงานของทหารชายแดนในพื้นที่ต่างๆ ได้แก่ เชียงใหม่, เขาพระวิหาร และยะลา/ปัตตานี

ทั้งนี้ ในวิดีโอยังมี “ต้าห์อู๋ พิทยา” ศิลปินจากวง LAZ1 มาร่วมติดตามชีวิตของทหารชายแดนไปกับพลอยด้วย

กลิ่นดราม่าเริ่มโชย

หลังปล่อยคลิปได้ไม่นาน ชาวเน็ตก็เริ่มพูดถึงคลิปวิดีโอดังกล่าวอย่างแพร่หลาย โดยเว็บไซต์ของรัฐบาลไทยก็ได้นำคลิปดังกล่าวไปโปรโมทในหน้าเว็บไซต์ของตัวเอง เช่นเดียวกับเพจโฆษกกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานทางทหารต่างๆ ที่มีการขอความช่วยเหลือให้ช่วยกันแชร์คลิปของยูทูบเบอร์สาว จนชาวเน็ตหลายคนตั้งคำถามว่าพลอยรับงานประชาสัมพันธ์ให้กองทัพไทยหรือเปล่า พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะเป็นคลิปโฆษณาชวนเชื่อที่ยูทูบเบอร์คนดังกล่าวรับงานมาจากกองทัพ

ไม่เพียงเท่านั้น ชื่อคลิปที่ว่า “ทหารมีไว้ทำไม” ก็ยังจุดประเด็นดราม่าเดือดในโลกโซเชียล เนื่องจากวลีดังกล่าวเป็นวลีที่ประชาชนใช้เพื่อตั้งคำถามกับกลุ่มทหารที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง งบประมาณกองทัพที่ไม่โปร่งใส ทหารทำตัวเป็นผู้อิทธิพล ไปจนถึงการปฏิบัติกับพลทหารตัวเล็กในกองทัพ ที่หลายครั้งนำไปสู่ความรุนแรงและเสียชีวิต มิใช่วลีตั้งคำถามกับทหารที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ เพราะประชาชนส่วนใหญ่รู้และเข้าใจว่าทหารเหล่านี้ต้องเผชิญกับความยากลำบาก เสี่ยงอันตราย แต่เงินเดือนน้อย

ดังนั้น ชาวเน็ตจึงวิพากษ์วิจารณ์ว่าการใช้วลีว่า “ทหารมีไว้ทำไม” เป็นการใช้ที่ไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริง เมื่อนำมาใช้เป็นชื่อคลิป ก็ทำให้ทหารใช้คลิปดังกล่าวมาเป็นเครื่องมือในการตอบโต้ประชาชนที่ตั้งคำถามกับกองทัพนั่นเอง

“พลอย Pigkaploy” ออกโรงชี้แจง

เสียงวิพากษ์วิจารณ์เริ่มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เมื่อชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นในประเด็นดราม่าดังกล่าว หลายคนแสดงความเสียใจและผิดหวังกับตัวยูทูบเบอร์สาว หลายคนบอกว่าคลิปดังกล่าวถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง สร้างภาพลักษณ์ให้กับกองทัพ ขณะที่บางคนก็ชี้ว่า พลอยกำลังเดินตามรอย “ฌอน บูรณะหิรัญ” อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ที่ทำคลิปวิดีโอปลูกป่ากับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จนกลายเป็นมหกรรมขุดเรื่องราวเก่าๆ ของเจ้าตัวออกมา จนทำให้ฌอนต้องหายไปจากพื้นที่ออนไลน์พักใหญ่

อย่างไรก็ตาม พลอยไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะหลังจากเกิดดราม่า เธอก็ได้เปลี่ยนปกคลิปและชื่อคลิปจาก “ทหารมีไว้ทำไม” ให้เป็น “ตามติดชีวิตทหารชายแดน” พร้อมโพสต์ข้อความชี้แจงในคลิปวิดีโอดังกล่าว ระบุว่าเป็นความผิดพลาดของเธอเองที่ถ่ายทอดออกมาจนทำให้เกิดความเข้าใจผิด แต่ยืนยันว่าไม่มีการรับบรีฟจากกองทัพตามที่ชาวเน็ตสงสัย แต่ได้รับกรสนับสนุนในการถ่ายทำและช่วยตรวจสอบคลิปบางส่วนเนื่องด้วยเรื่องของความมั่นคงเท่านั้น

ทั้งนี้ พลอยได้ขอโทษและขอบคุณทุกคนที่ติชมคลิปของเธอ พร้อมระบุจะนำไปแก้ไขและระมัดระวังมากกว่านี้

ดราม่าไม่จบ ต้องลบคลิปออก

แม้จะเปลี่ยนชื่อคลิปและโพสต์ข้อความชี้แจงแล้ว แต่ดูเหมือนดราม่าดังกล่าวจะไม่จบลงง่ายๆ เมื่อชาวเน็ตต่างขุดคุ้ยและวิพากษ์วิจารณ์พลอยอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะเนื้อหาภายในคลิปวิดีโอที่ก็ยังเป็นการบิดเบือนเจตนาของคำถามที่ว่า “ทหารมีไว้ทำไม” อยู่ดี

ขณะที่ใต้คลิปก็มีการปะทะคารมอย่างดุเดือดของชาวเน็ตสองฝ่าย ฝ่ายเห็นด้วยก็เข้ามาให้กำลังใจพลอย ขณะที่ฝ่ายไม่เห็นด้วยก็เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ จนทำให้พลอยตัดสินใจลบคลิปดังกล่าวออกจากช่องของตัวเอง

ตอนนี้ก็คงต้องรอกันต่อไปว่าพลอยจะออกมาชี้แจงถึงประเด็นดราม่าร้อนนี้อีกหรือไม่

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : sanook

สูงสุดเป็นประวัติการณ์ “บัสบาส มงคล” เจอคุกรวม 50 ปี คดี ม.112

วานนี้ (18 ม.ค. 67) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานความคืบหน้าคดีของ “บัสบาส” มงคล ถิระโคตร พ่อค้าขายเสื้อผ้าออนไลน์และนักกิจกรรมในจังหวัดเชียงราย วัย 30 ปี หลังตกเป็นผู้ถูกฟ้องในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากการโพสต์เฟซบุ๊กรวม 27 โพสต์ ในช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน 2564

ศาลจังหวัดเชียงรายเริ่มอ่านคำพิพากษา โดยสรุปศาลอุทธรณ์ภาค 5 เห็นว่าจำเลยมีความผิดในอีก 11 กระทง ที่ก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษลงหนึ่งในสาม เหลือจำคุกรวมกระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 22 ปี เมื่อรวมกับโทษจำคุก 28 ปี ในอีก 14 กระทงก่อนหน้านี้ รวมเป็นโทษจำคุกรวม 50 ปี

ทั้งนี้ โทษจำคุกของศาลอุทธรณ์ภาค 5 ในคดีนี้ นับว่าเป็นคดีมาตรา 112 ที่ถูกลงโทษสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์

บัสบาสเคยเดินทางมานั่งอดอาหารประท้วงเพื่อเรียกร้องสิทธิประกันตัวของผู้ต้องขังทางการเมือง หน้าศาลอาญา เมื่อปี 2564

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : sanook