สะกิดน้าเอ็ดที! “แรชฟอร์ด” ยอมรับอยากเล่นคู่กับ “ซานโช” ใจจะขาด

มาร์คัส แรชฟอร์ด เปิดเผยว่าเขาต้องการที่เล่นร่วมกับ เจดอน ซานโช ในทีม ​แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แห่งศึก ​ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ในการไลฟ์อินสตาแกรมพูดคุยกับแฟนบอลเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

ดาวยิง ปีศาจแดง เปิดอกตอบคำถามจากแฟนบอลในอินสตาแกรมของตนเองระบุว่าการประสานงานระหว่างตัวเขากับ ซานโช และ อองโตนี มาร์กซิยาล จะทำให้แดนหน้าของ เร้ดเดวิลส์ น่าเกรงขาม

“มันจะต้องออกมายอดเยี่ยมแน่ๆ (ถ้าได้ ซานโช มาเล่นด้วยกัน)” แรชฟอร์ด เกริ่นเริ่ม “ซานโช เป็นนักเตะที่เจ๋งสุดๆ และเขาเป็นแข้งรุ่นใหม่ แค่เพียงดูเขาเล่นผมยังตื่นเต้นเลย ผมหวังว่าพวกเราจะได้เล่นร่วมกันในอนาคต”

“เขาเป็นนักเตะที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ สิ่งเหล่านี้ทำให้เขาเป็นผู้เล่นระดับท็อป”

ทั้งนี้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เคยแสดงท่าทีพร้อมที่จะปล่อยตัว ซานโช ออกจากทีมใน ตลาดซื้อขายนักเตะ รอบหน้าหากได้รับข้อเสนอที่มีมูลค่าสมน้ำสมเนื้อโดยมี แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นหนึ่งในทีมที่จับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

“แกร็บ” รับร้านอาหารพุ่ง 3 เท่า กขค.เตือนห้ามรีดเลือดคู่ธุรกิจ

“กขค.” เตือนผู้ให้บริการส่งอาหารถึงบ้าน ที่มีพฤติกรรมแข่งขันทางการค้าไม่เป็นธรรม เช่น ฮั้วกำหนดค่าบริการ ขึ้นค่าบริการจากร้านอาหาร มีโทษหนัก ขณะที่ร้านค้า มอเตอร์ไซค์ แห่สมัครดีลิเวอรี ด้าน “แกร็บ” ยอมลดค่าคอมให้ร้านอาหาร 5% จากสูงสุด 35% เหลือ 30%

นายสมศักดิ์ เกียรติชัยลักษณ์ เลขาธิการคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีการร้องเรียนผู้ให้บริการส่งอาหารหลายรายเรียกเก็บค่าบริการจากร้านอาหารสูงขึ้นมาก เช่น จาก 20% เป็น 35-40% รวมทั้งเรียกเก็บค่าธรรมเนียมส่งเสริมการขายจากร้านอาหาร เช่น การโฆษณาแนะนำร้านอาหารให้แก่ลูกค้า รวมถึงผู้ให้บริการส่งอาหารหลายรายอาจตกลงร่วมกันในการกำหนดหรือเพิ่มค่าบริการหรือเรียกเก็บค่าธรรมเนียม จนทำให้ราคาจำหน่ายอาหารเพิ่มสูงขึ้น และผู้บริโภคเดือดร้อนว่า กขค.ตรวจสอบพฤติกรรมทางการค้าดังกล่าวที่อาจเข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2560 แล้ว

ขอเตือนผู้บริการส่งอาหารว่า กรณีที่เป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม อันเป็นผลให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ประกอบธุรกิจรายอื่น จะมีโทษปรับทางปกครอง ใน 10% ของรายได้ในปีที่กระทำความผิด หรือกรณีที่เป็นพฤติกรรมการใช้อำนาจเหนือตลาดอย่างไม่เป็นธรรม หรือกรณีที่เป็นการตกลงร่วมกันกำหนดอัตราค่าบริการ อันเป็นการผูกขาดหรือลดการแข่งขัน หรือจำกัดการแข่งขัน จะมีโทษทางอาญา จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับ 10% ของรายได้ในปีที่กระทำความผิด หรือทั้งจำทั้งปรับ และรับเรื่องร้องเรียนที่ 0-2199-5444

ด้านนายธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด ทำให้ร้านอาหารรายย่อยต้องปรับตัวเข้าสู่ระบบจัดส่ง (Delivery) อาหารกันมากขึ้น โดยปัจจุบันมีร้านอาหารรายย่อยสมัครเข้ามาเป็นร้านค้าบนแอปพลิเคชันแกร็บเฉลี่ยราว 2,000 ร้านค้าต่อวัน สูงขึ้นกว่าภาวะปกติ 3 เท่า แกร็บจึงได้เร่งขั้นตอนรับสมัครและเปิดร้านค้าให้ได้ภายใน 7-10 วัน จากเดิม 14-21 วัน

นอกจากนั้น ยังมีมาตรการช่วยเหลือร้านอาหารบนแกร็บ ด้วยการปรับลดเพดานค่าคอมมิชชันสำหรับพาร์ตเนอร์ร้านอาหาร (ไม่รวม GrabKitchen) สูงสุดจาก 35% เป็น 30% ครอบคลุมทั้งร้านค้าเดิมและร้านค้าใหม่ เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับร้านอาหาร โดยเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.63 เป็นต้นไป

นายธรินทร์ กล่าวว่า แกร็บยังเร่งขยายการให้บริการจัดส่งอาหาร เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในต่างจังหวัดด้วย โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-มี.ค.) แกร็บฟู้ดได้เปิดให้บริการเพิ่มขึ้นใน 8 จังหวัด อันได้แก่ ชลบุรี ระยอง นครปฐม สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ลำปาง อุตรดิตถ์ และมหาสารคาม พร้อมตั้งเป้าเปิดบริการเพิ่มอีก 9 จังหวัดในสามเดือนข้างหน้า อาทิ ราชบุรี เพชรบุรี สุรินทร์ หนองคาย เป็นต้น

“เพื่อรองรับความต้องการในการหารายได้ ในเดือน เม.ย.นี้ แกร็บมีแผนเปิดรับพาร์ตเนอร์ผู้จัดส่งอาหารและพัสดุเพิ่มอีกกว่า 35,000 อัตราเพื่อรองรับการให้บริการที่เติบโตจากการที่คนไทยไม่ต้องการเดินทางออกจากบ้าน จากที่ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ได้รับพาร์ตเนอร์เพิ่มไปแล้วกว่า 29,000 คน และเปิดให้คนขับรถยนต์ (แกร็บคาร์) ใช้รถยนต์ขับส่งอาหารแทนบริการการเดินทางได้ เพื่อเป็นการปลดล็อกการสร้างรายได้ให้กับพาร์ตเนอร์ โดยนำร่องบริการจัดส่งอาหารผ่านรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยมีพาร์ตเนอร์คนขับเข้าร่วมแล้วมากกว่า 10,000 คน”

แน็ก ชาลี มาแล้ว แพตตี้ หลบไป ผู้ชายทุกคนจะต้องหลงฉัน

เอากับเข้าด้วยจ๊ะ แอพ Tik Tok ที่กำลังอินเทรนอยู่ตอนนี้ ส่วนใหญ่จะเห็นสาวๆ เขาออกมาเต้นเซ็กซี่ๆกัน แต่ล่าสุดหนุ่มอารมณ์ดี แน็ก ชาลี ก็เอากับเขาด้วย

แน็ก ชาลี
แน็ก ชาลี

บอกเลยสาวๆ ชิดซ้าย ทั้งสีเสื้อผ้า และท่าเต้น แถมเจ้าตัวยังเขียนแคปชั่นว่า แพตตี้ ก็ แพตตี้เถอะ!! ฉัน แน็กกี้ ผู้ชายทุกคนจะต้องหลงไหลฉัน!!

แน็ก ชาลี
ยอมแล้วพ่อ

งานนี้ชาวเน็ตเข้ามาเมนต์ในความมั่นใจของนักแสดงหนุ่มว่า มาแล้วจ้าาาาาารออยู่เลย55555555, เอวดีที่สุด 55555555, สวยมากกเอาไง, เริ่ดมากลูกสาวววววววว???,

แน็ก ชาลี
มันเขาล่ะ

ชนะไปเถอะพ่อ, ยอมละจ้าแม่, มาถุกทางละเทอออ5555555 , ผู้ยิ่งเหลือน้อยอยู่ ชาลีอย่ามาแย่งเลย

https://www.instagram.com/p/B-bxAl9gt10/

ขอบคุณรูปจากไอจี : charliepotjes

ธนาธร ชง 3 มาตรการรับมือ โควิด เชื่อมีบิ๊กแพ็กเกจฟื้นฟูประเทศ

ธนาธร เสนอ 3 มาตรการรับมือ โควิด สาธารณสุข-Social Distancing-การคลัง ต้องออกแบบใช้อย่างสอดคล้อง เชื่อรัฐมีแพ็กเกจใหญ่ฟื้นฟูประเทศที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

เมื่อวันที่ 1 เม.ย. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวในรายการ Mission To The Moon ซึ่งเป็นการพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 การรับมือ และการเอาตัวรอดและเดินหน้าต่อไปของธุรกิจต่าง ๆ ตอนหนึ่งว่า ถ้าดูจากการระบาดแล้ว คิดว่ายังไม่ถึงจุดแย่ที่สุด เพราะก่อนหน้านี้ จีน เกาหลีใต้ อิหร่าน อิตาลี คิดเป็น 90 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด แต่พอเวลาเคลื่อนผ่านมา จุดศูนย์กลางการแพร่ระบาดย้ายมาอยู่ที่ยุโรป และสัปดาห์นี้มาอยู่ที่สหรัฐอเมริกา

นายธนาธร กล่าวต่อว่า แต่อย่าลืมว่ายังมีประเทศที่กำลังพัฒนาซึ่งตัวเลขยังไม่สูง ไม่ว่าจะเป็นอินเดีย หรือแถบอเมริกาใต้ ซึ่งประเทศเหล่านี้ศักยภาพรับรองทางการแพทย์น้อยกว่าประเทศที่ระบาดไปแล้วเสียอีก ซึ่งถ้าไปประเทศเหล่านี้เมื่อไหร่ ความเลวร้ายน่าจะมากขึ้น เพราะลักษณะการแพร่ระบาดนั้น แค่เหตุการณ์เดียวก็แพร่กระจายไปไกล

นายธนาธร กล่าวอีกว่า แต่อาจให้ข้อสังเกตไว้ด้วยว่า เหตุผลที่การแพร่ระบาดในประเทศเหล่านี้ช้ากว่า คือการที่ประเทศตั้งอยู่เขตเส้นศูนย์สูตร เป็นเขตร้อนชื้น ไม่เหมือนประเทศติดอยู่อุณหภูมิค่อนข้างต่ำซึ่งไวรัสกระจายไปได้เร็วกว่า แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ระบาด

“มาตรการที่จะใช้รับมือกับไวรัสโควิด-19 ต้องมีอยู่ 3 ส่วน ซึ่งถูกออกแบบทำงานอย่างสอดประสานกันไป ได้แก่ 1.มาตรการทางด้านการแพทย์และการสาธารณสุข 2.มาตรการ Social Distancing หลีกเลี่ยงเดินทางพบปะกัน และ 3.มาตรการเยียวยาด้วยวิธีการทางการคลัง ทั้งหมดนี้ต้องไปด้วยกันถึงจะมีประสิทธิภาพ แต่ปัญหาที่ผ่านมา รวมถึงในเมืองไทยด้วย ทั้ง 3 มาตรการนี้ถูกออกแบบมาใช้คนละเวลา ทำให้เกิดประสิทธิภาพไม่เต็มที่” นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร กล่าวว่า ยกตัวอย่างเช่น เราเรียกร้องให้มี Social Distancing แต่ขณะเดียวกันไม่มีมาตรการรองรับกลุ่มคนที่เปราะบางสุดในสังคมอย่างแรงงานนอกระบบ คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ทำงานรับเหมารายวัน คือ คนที่ค้ำจุนกรุงเทพฯ ให้อยู่ได้ ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ไซค์ขับรถส่งของ คนเก็บขยะ ผู้ช่วยพยายบาลต่างๆ แต่กลับเป็นคนไม่ได้รับการเหลียวแลจากรัฐ เป็นต้น มาตรการที่ว่าถ้าไม่ออกพร้อมเพรียงกัน จะทำให้การรับมือไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร จึงต้องออกแบบด้วยกัน คิดอย่างเป็นระบบ และประสานงานกัน

นายธนาธร กล่าวอีกว่า สำหรับคำแนะนำผู้ประกอบธุกิจในวิกฤตตอนนี้ สิ่งสำคัญคือสายป่านต้องยาวขึ้น คือ ควรมีเงินสดถือไว้สำหรับรองรับต้นทุนคงที่ของบริษัทตนเองอย่างน้อย 6 เดือน ต้องอยู่ให้ได้สำหรับค่าใช้จ่ายคงที่ ธนาคารที่ให้กู้ช่วงนี้ต้องรีบกู้เงินออกมาถือไว้ก่อน เพราะถ้าสถานการณ์หนักกว่านี้ ธนาคารย่อมต้องไม่ให้กู้

นายธนาธร กล่าวว่า แต่สำหรับบริษัทที่มีเงินสดในมือ มองว่านี่คือโอกาสที่จะซื้อเทคโนโลยี เพราะจะถูกมาก หรืออาจเป็นการซื้อคู่แข่งที่มีฐานลูกค้าซึ่งเราไม่มี เช่น บริษัทเราฐานลูกค้าในกรุงเทพฯ แต่คู่แข่งมีฐานในต่างจังหวัด อย่างนี้สามารถเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเองได้ หรือต่างประเทศ ญี่ปุ่น อเมริกา หรือเยอรมัน มีทรัพย์สินราคาถูกและน่าลงทุนอยู่เยอะมาก

นายธนาธร กล่าวต่อว่า เชื่อว่าวิกฤตครั้งนี้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ จะเกิดมาตรการส่งเสริมเศรษฐกิจด้วยการขยายงบดุลธนาคารแห่งประเทศอย่างมโหฬาร ทั่วโลกพร้อมกัน น่าจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ อีกไม่นานเงินจะท่วมตลาด และทรัพย์สินราคาจะไล่ต่อไป ถ้าเรามีเงินสดเหลือมากกว่า 6 เดือนนี่คือโอกาส

“เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีแพ็กเกจมาตรการที่ใหญ่กว่า ทั้งรับมือในช่วงนี้และรับมือช่วงฟื้นฟูประเทศ เงินมหาศาลจะเข้าสู่ระบบ นี่จะเป็นมาตรฐานใหม่ เราจะเห็นแพ็กเกจที่ใหญ่ที่เราไม่เคยเจอมาก่อน รวมถึงหลังจากนี้จะมีโอกาสของเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง ระบบเวชทะเบียนแบบกระดาษที่ใช้ในโรงพยาบาลต้องเลิกได้แล้ว ควรทำข้อมูลเวชทะเบียนดิจิทัลที่ง่ายต่อสืบค้น มีการเก็บข้อมูลแบบบิ๊กดาต้า ใช้เอไอวิเคราะห์ และต้องเชื่อมโยงกับบัตรประชาชน ไม่ควรต้องกรอกข้อมูลซ้ำซ้อน เช่น การลงทะเบียนรับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท ตอนนี้ ใช้เลขบัตรประชาชน 13 หลักก็น่าจะเพียงพอ” นายธนาร กล่าว

นายธนาธร กล่าวด้วยว่า เชื่อว่าในอนาคตด้านการแพทย์จะมียาสำหรับแต่ละคน นำโนเทคโนโลยีจะเข้ามาช่วยได้ เพราะถ้ามีบิ๊กดาตา มีข้อมูลดิจิทัล มีการสังเคราะห์ข้อมูลด้วยปัญญาประดิษฐ์ ถ้าเกิดป่วยขึ้นมา ก็มีโอกาสที่จะบอกได้เลยว่ามียาที่เหมาะสมกับเราที่สุด และในเมืองไทยอีกอย่างที่อยากเห็นแม้ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ก็ตาม การผลิตเครื่องช่วยหายใจ

นายธนาธร กล่าวว่า ที่ผ่านมาเรานำเข้าอุปกรณ์เครื่องมือการแพทย์เยอะมาก อาจต้องกลับมาคิดเรื่องนี้เพื่อต่อสู้กับโรคระบาดในอนาคต ตัวอย่างเช่นการผลิตเครื่องช่วยหายใจ รวมถึงตัวกรองอากาศ HEPA Fillter ที่ใช้ในห้องความดันอากาศของผู้ป่วย ซี่งเทคโนโลยีไม่ได้ซับซ้อน แต่ทว่าต้องนำเข้า เราคงต้องคิดผลิตในประเทศ

ส่องสถานที่กักตัว! “เนย์มาร์” ตื่นตาตื่นใจโอ่อ่าสมราคาเกือบ 300 ล้าน

จากที่ก่อนหน้านี้ เนย์มาร์ กองหน้าทีมชาติบราซิลของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง สโมสรดังในลีกเอิง ฝรั่งเศส โดนกระแสวิจารณ์อย่างหนักว่าไม่ยอมกักตัวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19)

หลังมีภาพหลุดออกมาว่า ศูนย์หน้าแซมบ้า เฮฮาปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ที่บราซิล ก่อนที่ท้ายสุดโฆษกส่วนตัวจะออกมาแถลงว่า “ทุกคนในภาพคือเพื่อนๆ ที่เดินทางมาจากกรุงปารีสพร้อมกับเขา และทุกคนล้วนเป็นเพื่อนที่ร่วมกักตัวกันมาตั้งแต่อยู่ที่ฝรั่งเศส”

“ส่วนในเรื่องของสถานที่ในภาพ ที่หลายคนมองว่าไม่ใส่ใจต่อสังคมด้วยการพากันไปเที่ยวนั้น แท้จริงแล้วมันคือบ้านของ เนย์มาร์ ที่เจ้าตัวซื้อเก็บไว้ในบ้านเกิดเมื่อปี 2018 และมันคือสถานที่กักตัว 14 วัน สำหรับทุกคน”

สถานที่ดังกล่าวตั้งอยู่ที่ เมืองมานการาติบ้า ในรัฐริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล ซึ่งกองหน้าวัย 28 ปี ซื้อเก็บไว้เมื่อปี 2018 ด้วยมูลค่าสูงถึง 7 ล้านปอนด์ (ประมาณ 285,000,000 บาท) โดยมันเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Expendables อีกด้วย

สำหรับ บ้านหลังนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียบพร้อม ทั้งลานจอดเฮลิคอปเตอร์ และท่าเทียบเรือ ซึ่งแน่นอนเจ้าตัวมีเรือยอชต์ Embraer Phenom 100E สำหรับขับเล่นในละแวกบ้าน

ในส่วนของตัวบ้านมันมีทั้งหมด 6 ห้องนอน จัดเต็มความสะดวกสบายด้วย สระว่ายน้ำขนาดใหญ่, ห้องออกกำลังกาย, สนามเทนนิส, สนามวอลเลย์บอลชายหาด, ห้องซาวน่า และจากุซซี่ นอกจากนี้มันยังมีห้องใต้ดินที่มีพื้นที่สำหรับเก็บไวน์ 3,000 ขวด อีกด้วย

ยอมรับกันเถอะ! “คาสซาโน” ชี้ “เมสซี” ก้าวข้ามระดับ “มาราโดนา” ไปแล้ว

อันโตนิโอ คาสซาโน ตำนานกองหน้าแบดบอยชาวอิตาลี ยืนยันว่า ​ลิโอเนล เมสซี ก้าวข้ามระดับความเก่งของ ดิเอโก มาราโดนา ไปได้แล้ว และอยากให้ทุกคนยอมรับในสิ่งนี้เช่นกัน

“ผลงานอันสุดแสนมหัศจรรย์ที่ ดิเอโก มาราโดนา จารึกเอาไว้บนหน้าประวัติศาสตร์วงการลูกหนังนั้นมีช่วงพีคอยู่ราว 4-5 ปี ซึ่งผมยอมรับว่ามันยิ่งใหญ่ในแบบที่ไม่มีใครในยุคนั้นเคยเห็นมาก่อน” คาสซาโนกล่าว

“แต่สำหรับ ลิโอเนล เมสซี เขาเองก็สร้างปรากฏการณ์แบบนั้นขึ้นมาได้เช่นกันสำหรับยุคปัจจุบัน แต่ที่เด็ดกว่าคือมีช่วงเวลาพีคยาวนานถึง 15 ปีเลยนะคุณ”

“เมสซีลงเล่นให้ทีมชาติและสโมสรมากกว่า 800 นัดทุกรายการบนเส้นทางค้าแข้ง ยิงได้มากกว่า 700 ประตู แอสซิสต์มากกว่า 300 ครั้ง”

“เมื่อทีมมีเขาออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ก็เท่ากับว่าทีมออกนำคู่แข่งไปแล้ว 1-0 ตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มแข่ง นี่แหละคือคุณค่าของเมสซีในฐานะนักฟุตบอลเก่งสุดของโลกยุคปัจจุบัน”

“ผมก็แค่อยากให้มาราโดนากับบรรดาสาวกของเขายอมรับได้แล้วว่าเมสซีนั้นเหนือกว่าจริงๆ”

สู้วิกฤตโควิด-19! “หมู ปากน้ำ” นักสอยคิวไทยหันขายกุนเชียงออนไลน์

Noppon Saengkham during day seven of the Betway UK Championship at the York Barbican. (Photo by Nigel French/PA Images via Getty Images)

“หมู ปากน้ำ” นพพล แสงคำ นักสนุกเกอร์ชาวไทยมืออันดับ 40 ของโลก ที่โดนผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ทำให้ทัวร์นาเมนต์แข่งขันสนุกเกอร์อาชีพโลก ต้องยกเลิกไปหมดทุกรายการ

ล่าสุด นักแม่นคิววัย 27 ปี ที่เดินทางกลับจากประเทศอังกฤษเมื่อสัปดาห์ก่อน และกำลังอยู่ในช่วงของการกักตัว 14 วัน เผยว่าเดินทางกลับมาได้ 9 วันแล้ว สภาพร่างกายปกติดี ไม่มีไข้แต่อย่างใด ซึ่งเริ่มเบื่อกับการอยู่บ้านที่ทำได้แค่รดน้ำต้นไม้, ออกกำลังกายเท่านั้น

จึงตัดสินใจหันมาประกอบอาชีพเสริมด้วยการเป็นคนขายกุนเชียงผ่านหน้าเฟสบุ๊ค ซึ่งสินค้าก็มาจากธุรกิจของญาติๆ นั่นเอง แถมกระแสดีเกินคาดเมื่อมียอดสั่งซื้อมากมายทีเดียว อย่างไรก็ตามตนจะนำเงินกำไร    บางส่วนไปทำบุญ และอนาคตก็อาจจะให้พ่อแม่ยึดอาชีพทำกุนเชียงอย่างจริงจัง

พร้อมกันนี้เจ้าตัวยังฝากถึงแฟนๆ ว่า “อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย หารายได้เสริมสู้โควิดไปด้วยกันครับ ทุกวิกฤตมีโอกาสเสมอ รักษาสุขภาพนะครับทุกท่าน “

สำหรับ “หมู ปากน้ำ” นพพล แสงคำ ถือเป็นนักสนุกเกอร์ชาวไทยคนที่ 4 ที่สามารถคว้าตั๋วเข้าไปแข่งขันในรายการ สนุกเกอร์ ชิงแชมป์โลก 2017 ที่ครูซิเบิ้ล เธียเตอร์ ประเทศอังกฤษ ได้สำเร็จ ต่อจาก “ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” รัชพล ภู่โอบอ้อม ที่ทำได้เมื่อปี 1992, “ต่าย พิจิตร” ชูชาติ ไตรรัตนประดิษฐ์ ทำได้เมื่อปี 1995 และ “แจ็ค สระบุรี”  เดชาวัต พุ่มแจ้ง ทำได้เมื่อปี 2013

สำหรับแฟนๆ ท่านใดสนใจอยากอุดหนุนก็สามารถติดต่อไปได้ที่เพจ Noppon Saengkham

นายกฯสั่งจับจริง! ผิด พรก.ฉุกเฉิน สั่งฟ้อง-เข้าคุกไม่รออาญา วอนอยู่บ้าน

นายกฯสั่ง จับคนผิด พรก.ฉุกเฉิน สั่งฟ้อง-ดำเนินไม่รออาญา วอนให้อยู่บ้าน

เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา (ศบค.) ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.ท. ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) แถลงว่า กรณียังมีประชาชนบางส่วนฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด ประกาศ ข้อกฎหมาย พรก.ฉุกเฉิน พรบ.โรคติดต่อฯ

ยังมีเกิดขึ้นหลายกรณี อาทิ มั่วสุม ตั้งวงสังสรรค์อย่างสนุกสนาน เล่นการพนัน กักตุนสินค้า ขายหน้ากากอนามัยหรือเวชภัณฑ์อื่นๆในราคาเกินควร กักตุนแอลกอฮอล์เจลล้างมือ ซึ่งแต่ละกรณีมีโทษหนักถึงจำคุก ปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ

พล.ต.ท. ปิยะ กล่าวว่า ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับ เจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ เข้มงวด กับผู้ที่ซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน เช่นเมาแล้วขับรถ เด็กแว๊น การจัดปาร์ตี้ยาอี ซึ่งต้องใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น

เพราะถือว่ากรณีเหล่านี้เป็นคดีที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้กำชับตำรวจทุกฝ่ายให้รีบดำเนินคดีและรวบรวมพยานหลักฐาน ให้ถึงต้นตอและเสนอสั่งฟ้องทุกข้อหา และให้ลงโทษสถานหนักไม่ต้องรอลงอาญา พร้อมกับริบของกลางด้วย

พล.ต.ท. ปิยะ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ทุกคน ทำงานหนัก ดังนั้นขอประชาชนเพียงอย่างเดียวคือขอให้อยู่บ้าน รักษาระยะห่าง ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็นพร้อมกับใส่หน้ากากอนามัย อย่างไรก็ตามในบางจังหวัดที่ห้ามออกจากเคหสถาน ก็เป็นช่วงเวลาที่ไม่ปกติ ไม่ใช่เวลาการทำงานทั่วไป ถ้าจะออกก็คงเป็นเพราะกรณีเป็นคนขนส่ง สินค้าอุปโภคบริโภคหรือยาเวชภัณฑ์ หรืออื่นๆที่จำเป็น

แต่ถ้าจะต้องไปธุระอย่างอื่นนั้นขอว่าอย่าดีกว่า ขอเตือนไว้ก่อนเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้มงวดอย่างเต็มที่เพื่อบ้านเมืองของเรา

พล.ต.ท. ปิยะ กล่าวว่า บางจังหวัดเช่นนนทบุรีที่ได้ขอความร่วมมือว่าไม่ควรออกนอกบ้านนั้น ช่วงเวลาสี่ทุ่มถึงตีห้า ดังนั้นพี่น้องประชาชนยังสามารถขับรถออกมาทำงานได้ตามปกติ ดังนั้นคนที่เดินทางต้องจำเป็นโดยแท้

หรือแม้แต่จังหวัดแม่ฮ่องสอนซึ่งประกาศ ตาม พรบ.โรคติดต่อฯ ม.35 ปิดจังหวัดขอความร่วมมือเรื่องเข้าหรือออกโดยผู้ว่าราชการจังหวัด ดังนั้นก็แล้วแต่กรณีของแต่ละจังหวัดแต่ขอย้ำว่าออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น ถ้าไม่จำเป็นขอให้อยู่บ้าน

พล.ต.ท. ปิยะ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจและทุกภาคส่วนว่า การตรวจคัดกรองมีสองลักษณะ คือด่านคัดกรองที่มีอยู่ 409 แห่ง เน้นการข้ามระหว่างจังหวัด เพื่อคัดกรองคน นอกจากนั้นยังมีด่านเคลื่อนที่ ตามพรบ.โรคติดต่อฯ หรือหน่วยเคลื่อนที่เร็วโดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง จะหมุนเวียนกันคอยเน้นการแนะนำพี่น้องประชาชนแต่หากเตือนแล้วไม่เชื่อฟังก็ต้องดำเนินคดี

จาตุรนต์ ถาม งบกลางหมดแล้ว? เผยเรื่องยุ่ง งงรัฐบาลไม่คิดเตรียมการ

จาตุรนต์ ตั้งคำถามงบกลางหมดแล้ว?

วันที่ 1 เม.ย. นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า “งบกลางหมดแล้ว! นาน ๆ ผมจะให้ข้อมูลผิด ต้องขอโทษด้วยครับ เพิ่งโพสต์ว่ารัฐบาลต้องยังมีงบกลางพอสำหรับจัดการกับโควิด19 แน่ๆ จริงๆไม่มีแล้ว ผอ.สำนักงบประมาณเพิ่งชี้แจงไป ไม่นึกว่ารัฐบาลจะใช้เงินเร็วขนาดนั้น และยังนึกไม่ออกว่าใช้เงินไปเป็นประโยชน์จริงหรือเปล่า

“เรื่องยุ่งกว่านั้นอีกก็คือเงินก้อนใหญ่ล็อตล่าสุดที่ทำให้งบกลางหมดก็คือเงิน 45,000 ล้านสำหรับจ่ายคนละ 5,000 บาทต่อคนเป็นเวลา 3 เดือน คือสำหรับคน 3 ล้านคนเท่านั้น 3 ล้านคนเท่านั้นงบกลางก็หมด คนสมัคร 20 ล้าน ถ้าจะดูแล 10 ล้านคน 3 เดือน จะใช้เงิน 1.5 แสนล้าน ที่คิดจะออกพรก.กู้ 2 แสนล้านก็ไม่เหลือไปทำอะไรแล้ว ถ้าดูแล 20 ล้านคนก็ 3 แสนล้าน น่าแปลกที่รัฐบาลไม่คิดเตรียมการไว้ก่อน” นายจาตุรนต์ ระบุ

เผยเรื่องด่วนที่ต้องทำตอนนี้เพื่อสู้โควิด-19

นายจาตุรนต์ ระบุต่อว่า ด่วนที่สุดตอนนี้คือต้องออกพรก.โอนงบประมาณ ตัดงบที่ไม่จำเป็นมาใช้ด้านสาธารณสุขช่วยโรงพยาบาล และบุคลากรทางสาธารณสุขสู้กับโควิด19 ก่อน อย่าตัด 10 เปอร์เซ็นต์ ทุกกระทรวงแบบไร้ทิศทางดังที่ผมอธิบายไว้ก่อนแล้ว ตามด้วยพรก.กู้เงิน ซึ่งก็ต้องวางแผนให้ดี ไม่ใช่อย่างที่รองนายกฯสมคิดหลุดปากออกมาว่าจะไปพยุงตลาดเงินตลาดทุนซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน

ศรีสุวรรณ จี้ บิ๊กตู่ เด้งผบ.ทร.-ปลดรมช.กลาโหม เซ่นซื้อ เรือยกพลขึ้นบก

หวั่นทร.ชงครม.ซื้อ เรือยกพลขึ้นบก อีกรอบ

วันที่ 1 เม.ย. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า กรณีที่มีการเผยแพร่เอกสารการนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาในวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมาเกี่ยวกับการขออนุมัติให้กองทัพเรือดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโครงการจัดหาเรือเอนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่สนับสนุนการปฏิบัติการเรือดำน้ำระยะที่ 1 จำนวน 1 ลำมูลค่า มากกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 6,200 ล้านบาท จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคมไทยอยู่ในขณะนี้

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การเสนอใช้เงินภาษีของประชาชนจำนวนมหาศาลไม่ใช่เรื่องใหม่ของกองทัพเรือในยุคนี้ แม้ประเทศจะมีปัญหาภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ข้าวยากหมากแพงก็ตาม แต่กองทัพเรือกลับไม่ยี่หระต่อข้อครหาของประชาชน ยังเดินหน้าขอจัดซื้อเรือดำน้ำ 3 ลำ มูลค่า 36,000 ล้านบาท (ลำแรกราคา 13,500 ล้านบาท) รวมทั้งการสร้างบ้านพักรับรอง ผบ.ทร.ริมแม่น้ำเจ้าพระยามูลค่า 112 ล้านบาทอีกด้วย

นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า ดังนั้น การจัดซื้อจัดหาเรือลำเลียงพลสะเทินน้ำสะเทินบกจากจีน จึงไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมาย และได้ลงนามซื้อไปแล้วเมื่อวันที่ 9 ก.ย.2562 แม้ที่ผ่านมา กองทัพเรือไทยมีเรือสะเทินน้ำสะเทินบกขนาดใหญ่อยู่ลำหนึ่งอยู่แล้วคือเรือหลวงอ่างทองก็ตาม กองทัพเรือเคยได้รับคำชื่นชมจากประชาชนอยู่เสมอ ๆ ในความเป็นสุภาพบุรุษในวิกฤตการณ์ทางการเมืองหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา

“แต่ในยามที่คนไทยทั้งประเทศกำลังเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 อยู่ในขณะนี้ กลับมีความพยายามที่จะนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติให้กองทัพเรือดำเนินการในเรื่องต่อเนื่องที่เกี่ยวข้องกับโครงการจัดหาเรือลำเลียงพลสะเทินน้ำสะเทินบก เพื่อรองรับเรือดำน้ำที่ผู้คนก่นด่ากันทั้งแผ่นดินให้จงได้ แม้จะพยายามออกมาแก้ข่าวว่าได้ถอนเรื่องออกไปจาก ครม.แล้วก็ตาม แต่ ณ วันหนึ่งก็ต้องนำเรื่องเข้า ครม.อีก ไม่ได้เลิกไปโดยถาวร” นายศรีสุวรรณ กล่าว

แนะ บิ๊กตู่ ย้ายผบ.ทร.-ปลด รมช.กลาโหม

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ลองคิดดูเงิน 6,200+13,500 ล้าน ที่กองทัพเรือใช้จัดซื้อจัดหายุทธโธปกรณ์ทั้ง 2 รายการข้างต้น หากโยกงบดังกล่าวไปช่วยแก้ไขปัญหาโควิด-19 ได้จะเป็นคุณูปการต่อสังคมไทยได้มหาศาลเพียงใด เริ่มจากสามารถใช้ซื้อชุดตรวจโควิด-19 รวมค่าแลป (คนละ 2,500 บาท) ใช้ตรวจให้คนไทยได้ถึง 7.88 ล้านคน

ใช้ซื้อเครื่องช่วยหายใจ (เครื่องละ 1.5 แสนบาท) ได้ถึง 1,313,333 เครื่อง ใช้ซื้อหน้ากากอนามัยแจก (ชิ้นละ 2 บาท) ได้ 9,850 ล้านชิ้น ใช้ซื้อชุดป้องกัน PPE สำหรับแพทย์ (ชุดละ 250 บาท) ได้ถึง 78.8 ล้านชุด แต่ถ้าจะนำไปสร้างโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย (โรงละ 100 ล้านบาท) จะได้ถึง 197 โรงเลยทีเดียว แต่นั่นจะเป็นเพียงแค่ความฝันหากเรายังมีรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับกองทัพมากกว่าประชาชนอยู่

นายศรีสุวรรณ กล่าวด้วยว่า วีรกรรมของกองทัพเรือในครั้งนี้ จะเป็นที่จดจำในทางลบของคนไทยทั้งแผ่นดินไปอีกนานแสนนาน ในยุคของ ผบ.ทร.คนนี้ และมี รมว.กลาโหมที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ถ้าจะให้สังคมไทยกลับมาชื่นชมยินดีเหมือนเดิมนายกฯต้องตัดสินใจ 2 ประการเท่านั้น คือ 1.โยกงบซื้ออาวุธของกองทัพทั้งหมดไปใช้แก้ปัญหาโควิด-19 และ 2.โยก ผบ.ทร. ให้ไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและปลด รมช.กลาโหมเสียจึงจะชอบ