พณ.เผยผัก,หมูแพงดันเงินเฟ้อธ.ค.โต2.17%

189
แชร์ข่าวนี้

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป หรือ อัตราเงินเฟ้อในช่วงเดือนธันวาคม 2564 พบว่าอัตราเงินเฟ้อขยายตัวสูงขึ้นร้อยละ 2.17 จากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขายปลีกในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้นแต่อยู่ในระดับที่ไม่มากนัก เนื่องจากมาตรการตรึงราคาน้ำมันของภาครัฐ สินค้าในกลุ่มอาหารสดปรับตัวสูงขึ้น อาทิ ผักสด เนื้อสุกรและไข่ไก่ปรับตัวสูงขึ้นตามต้นทุนการเลี้ยง โดยเฉพาะเนื้อสุกรปรับเพิ่มขึ้นตามค่าบริหารจัดการโรคระบาดในสุกร นอกจากนี้ปริมาณการผลิตลดลงเนื่องจากผู้ประกอบการรายย่อยลดปริมาณการเลี้ยง รวมถึงราคาน้ำมันพืช กับข้าวสำเร็จรูป มีการปรับตัวสูงขึ้นตามต้นทุนวัตถุดิบ

 

โดยอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นในเดือนธันวาคมคล้องกับเครื่องชี้วัดเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ ยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งการจัดเก็บจากการใช้จ่ายใประเทศและการนำเข้ารวมถึงการส่งออกสินค้าที่ยังคงขยายตัวได้อย่างดีอย่างต่อเนื่อง อัตราการใช้กำลังการผลิตและดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมที่ยังคงขยายตัวดี

ส่งผลทำให้อัตราเงินเฟ้อในปี 2564 ขยายตัวร้อยละ 1.23 ใกล้เคียงกับที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 0.8-1.2 โดยอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับดังกล่าว สะท้อนว่าสถานการณ์ด้านราคาสินค้าและบริการของประเทศตลอดทั้งปี 2564 ยังอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพเคลื่อนไหวในทิศทางปกติสอดคล้องกับปัจจัยด้านความต้องการและการผลิต

ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อในปี 2565 คาดการณ์ว่าจะขยายตัวอยู่ที่ ร้อยละ 1.5 หรืออยู่ในกรอบร้อยละ 0.7-2.4 โดยแนวโน้มของอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ขยายตัวดีขึ้นแต่อย่างไรก็ตาม สนค. จะมีการจับตาสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงและได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นปัจจัยที่ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้านสาธารณสุขถึงแม้ว่าจะไม่ส่งผลกับชีวิต แต่ในแง่ของเศรษฐกิจนั้น หากมีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากอาจมีผลกระทบต่อการเคลื่อนย้ายแรงงาน ซึ่งจะส่งผลกระทบกับการผลิตสินค้า ซึ่งจะมีผลต่อค่าครองชีพของประชาชนให้ปรับตัวสูงขึ้น โดยสนค.จะมีการประเมินสถานการณ์เป็นระยะ ถึงแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่มั่นใจว่าจะขยายตัวไม่เกินร้อยละ 3

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : INNnews


แชร์ข่าวนี้