“บิ๊กโจ๊ก” ลุยสอบคดีแก๊งโจ๋ร่วมฆ่าป้าบัวผัน ลุงเปี๊ยกเปิดปากสารภาพ สร้างเรื่องฆ่าเมียเพราะเสียใจ และโดนกล่าวหา ยันไม่มีใครบงการ – ตร.ยังไม่พบ รองสารวัตรสืบ ช่วยเหลือบิดคดีลูกชาย
พล.ต.อ สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางไปยัง กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว เพื่อติดตามคดีฆาตกรรมนางสาวบัวผัน อายุ 47 ปี เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปรายละเอียดของคดีดังกล่าว และสอบปากคำลุงเปี๊ยกที่สังคมเชื่อว่าเป็น “แพะ” ในคดี
จากนั้นจึงแถลงข่าวเกี่ยวกับคดีต่อสื่อมวลชน พร้อมสอบถามลุงเปี๊ยกว่าเหตุใดจึงรับสารภาพในคดี ลุงเปี๊ยกยังคงตอบเหมือนที่เคยตอบว่า ตนเสียใจที่ภรรยาเสียชีวิต และชาวบ้านยังกล่าวหาตนว่าเป็นคนฆ่า ก็เลยรับสารภาพตามนั้น เพื่อให้เรื่องจบและยุติปัญหา ไม่มีใครมาบงการตนเอง พล.ต.อ สุรเชษฐ์ ถามต่ออีกว่า ทำไมบอกว่าใช้เก้าอี้ตีป้ากบ ทำไมไม่บอก ว่าใช้อย่างอื่นตี หรือบีบคอ หรือไปเห็นอะไรมา ลุงเปี๊ยกยังตอบว่า ตนคิดเอาเอง ไม่มีใครบอก
ด้าน พ.ต.อ. พิเชษฐ์ ศรีจันทร์ตรา ผกก.สภ.อรัญประเทศ กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวว่า การควบคุมตัวลุงเปี๊ยกหลังจากที่ลุงรับสารภาพนั้น เนื่องจากลุงเปี๊ยกไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง อาจจะหาตัวไม่พบในภายหลัง ไม่ใช่การจับกุม เมื่อรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว เชื่อได้ว่าเป็นผู้กระทำผิด ไม่ว่าจะเป็นคำรับสารภาพ เลือดคนที่ติดอยู่กับขากางเกง
การพาไปดูทีเกิดเหตุ ผู้ตายไม่เคยมีเรื่องโกรธเคืองกับใคร และทั้งสองคนมีการทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายกันเป็นประจำ จึงต้องขออำนาจศาลควบคุมตัวไว้ก่อนตามกฎหมาย ไม่ใช่การจับกุม การที่ต้องกันลุงเปี๊ยกไม่ให้พบกับผู้สื่อข่าว เนื่องมาจากเป็นความประสงค์ของลุงเอง นอกจากนั้นโดยส่วนตัวแล้ว ยังไม่เคยเจอตัว รอง.สารวัตรสืบ ที่เป็นบิดาของเยาวชน ที่ก่อเหตุเลย เพราะเพิ่งย้ายเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นขอยืนยันว่า ไม่มีการช่วยเหลือกันตามที่สังคมเข้าใจ
ทางด้าน พ.ต.อ.จตุรภัทร สิงหัษฐิต รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ดูแลงานสืบสวน และ พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ศรีจันตรา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศ ได้ชี้แจงไทม์ไลน์การทำงานของตำรวจ ตั้งแต่วันที่พบศพป้ากบในวันแรกจนกระทั่งการหาพยานหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด ก่อนจะส่งลุงเปี๊ยกเข้าสู่เรือนจำ
ส่วนประเด็นการที่นายตำรวจคนหนึ่ง ซึ่งเป็นพ่อของเยาวชนที่ก่อเหตุ ของโรงพักอรัญประเทศ อาจมีส่วนชี้นำลุงเปี๊ยกให้รับสารภาพในคดี ในประเด็นนี้ บิ๊กโจ๊ก ยืนยันชัดเจน นิสัยแบบตนเองไม่ไว้หน้าคนทำผิด หรือช่วยเหลือลูกน้องที่ไม่ดี แต่จากการพูดคุยกับตำรวจทำคดีนั้น ยืนยันได้ว่าตำรวจนายนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ตามที่มีกระแสข่าวหรือการตั้งคำถามจากสังคม นอกจากนั้นตำรวจนายนี้ยังนำตัวเยาวชน ลูกชายที่ร่วมก่อเหตุ เข้ามอบตัวกับตำรวจด้วยตัวเอง
ขณะที่ลุงเปี๊ยก ตอบคำถามสื่อมวลชน โดยยอมรับว่าขณะนั้นเมามาก และที่ตัดสินใจตอบไปแบบนั้น เพราะสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จึงต้องโกหกสร้างเรื่อง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงหลังจากได้รับฟังคำชี้แจงจากชุดสืบสวน สภ.อรัญประเทศ เกี่ยวกับการทำคดี “ป้าบัวผัน” และซัก “ลุงปัญญา” หรือลุง “เปี๊ยก” ด้วยตัวเอง
เห็นว่าคดีนี้ตำรวจทำตามขั้นตอน เมื่อโดยเฉพาะเมื่อมีการควบคุมตัวลุงปัญญา เนื่องจากมีข้อสงสัยเรื่องกางเกงเปื้อนเลือด แต่ต้องรอผลดีเอ็นเอ ซึ่งถ้าตามขั้นตอนก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 7 วัน แต่ทางชุดสืบก็ยังคงหาพยานหลักฐาน เพื่อมายืนยันว่าเป็น ”ลุงปัญญา”จริงหรือไม่ จนกระทั่งพบความจริงว่าเป็นฝีมือของแก๊งวัยรุ่น 5 คน และนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาตัวจริง และปล่อยตัวลุงปัญญาสู่อิสรภาพ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังบอกว่า ระหว่างนั้น ทางผู้สื่อข่าวที่ไปติดตามทำข่าว ไม่สามารถติดต่อทางผู้กำกับการ สภ.อรัญประเทศ เพื่อให้ชี้แจงเรื่องคดีได้ ก็เลยไม่มีการชี้แจงการทำงานของตำรวจ กระทั่งมาปรากฏเป็นข่าวว่า เป็นการจับแพะ และที่ได้รับฟังข้อมมูลในวันนี้ คดีนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน และจากการฟังข้อมูล ไม่มีตำรวจที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือผู้ต้องหาแต่อย่างใด แต่ถ้าสืบสวนในเชิงลึกว่ามีคนช่วยเหลือจริง ยืนยันเอาผิดให้ถึงที่สุด ไม่มีการช่วยเหลือ แต่หลังจากนี้แล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อก็คือ การขยายผลกวาดล้างแก๊งวัยรุ่น ที่ตั้งตัวเป็นอันธพาล ก่อเรื่องวิวาท และทำชาวบ้านให้เดือดร้อนให้สิ้นซาก
ขณะที่ประเด็นที่สังคมได้ตั้งคำถามว่า ควรจะมีการปรับเปลี่ยนกฎหมายสำหรับการดำเนินคดีกับเยาวชนนั้น ในส่วนนี้คงจะต้องมีการพูดคุยกับทุกภาคส่วนและกับอีกหลายหน่วยงานโดยจะมีการยกเคสคดีที่จังหวัดสระแก้ว เป็นหัวข้อในการพูดคุย ส่วนตัวลุงเปี๊ยกเอง หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการของตำรวจแล้ว จะฝากให้ทางฝ่ายปกครองที่เป็นตัวแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พาลุงเปี๊ยกไปเข้ากระบวนการบำบัดอย่างจริงจัง
ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : sanook
