จากกรณีมีผู้นำระเบิดแสวงเครื่องแบบตั้งเวลา ไปวางไว้ที่บริเวณศาลาพักร้อนหน้าวัดเทพสโมสร ริมถนนสระบุรี-หล่มสัก หมู่ 1 ต.ท่าพล อ.เมืองเพชรบูรณ์ ต่อมามีชาวบ้านได้เก็บใส่ตะกร้าหน้ารถจักรยาน เนื่องจากเข้าใจว่าเป็นนาฬิกาทั่วไป จากนั้นได้ปั่นรถจักรยานมาหาคนที่รู้จักที่ร้านค้ากลางหมู่บ้าน กระทั่งพบว่าเป็นระเบิด จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าพล และ ตำรวจ EOD เข้าทำการตรวจสอบและทำลาย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 เม.ย. ที่ผ่านมา
ต่อมาวานนี้ (28 เม.ย.) พ.ต.อ.ฐเดช กล่อมเกลี้ยง รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบูรณ์ ได้ประชุมติดตามการทำงานในกรณีดังกล่าว โดยได้เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่ พบว่าจุดที่วางวัตถุต้องสงสัยเป็นศาลาพักร้อนหน้าวัดเทพสโมสร แต่ไม่มีกล้องวงจรปิดอยู่ในบริเวณดังกล่าว ส่วนที่อยู่ในวัดไม่สามารถมองเห็นถึงจุดเกิดเหตุแต่อย่างใด
และจากการสอบสวน นายประสบ ปิ่นตา หรือ นายแอ๊ด อายุ 60 ปี ผู้พบเป็นคนแรกก็ไม่มีสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด และนอกจากนั้นจากการตรวจสอบหลักฐานจุดทำลายวัตถุต้องสงสัยโดยละเอียด พบเพียงเศษชิ้นส่วนของสายไฟ ไม่พบวงจรหรือวัตถุที่ใช้ประกอบเป็นระเบิดแต่อย่างใด จึงคาดได้ว่า ผู้กระทำการต่อสายไฟจากนาฬิกาแล้วสอดเข้าไปในกล่องกระดาษเท่านั้น ไม่ได้เชื่อมต่อหรือต่อวงจรระเบิดแต่อย่างใด และคาดว่าน่าจะเป็นความคึกคะนองของวัยรุ่น ไม่ใช่การวางระเบิดหรือสร้างสถานการณ์แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามตนได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวน ติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน นางพวง นกขุนทอง อายุ 85 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของร้านค้าดังกล่าว เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ช่วงสายๆ ของเมื่อวาน นายแอ๊ด ซึ่งเป็นผู้พบระเบิดเป็นคนแรกได้ขี่รถจักรยานมาหาตนที่ร้าน ซึ่งก็เป็นเช่นนี้ประจำเกือบทุกวัน แต่ครั้งนี้ นายแอ๊ด นำกล่องกระดาษที่มีนาฬิกาติดเอามาให้ตนดูด้วย โดย นายแอ๊ด บอกว่าไม่รู้เป็นกล่องอะไร โดยจะมาแกะเอานาฬิกาไปใช้ ตนจึงลองจับดูพบว่ามีน้ำหนักเบา แต่หนักข้างเดียว จึงลองเขย่าดูก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น กระทั่งมีคนที่รู้จักผ่านมาจึงเอาให้ดู จึงสงสัยว่าจะเป็นระเบิด แต่ตนก็ไม่ตกใจ เพราะคิดว่าเป็นระเบิดปลอมอย่างแน่นอน เพราะในพื้นที่ไม่เคยมีเรื่องระเบิดมาก่อน จึงให้ นายแอ๊ด เอาไปวางไว้หน้ารถจักรยานเหมือนเดิม แต่รถจักรยานได้ล้มลง กล่องดังกล่าวจึงกระเด็นออกมาตกอยู่ข้างๆ กับตู้ขายน้ำมัน
ต่อมาผู้ใหญ่บ้านได้เข้ามาตรวจสอบ และโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระหว่างนั้นตนก็ยังนั่งอยู่ในบ้าน กระทั่งตำรวจมาถึงได้กันผู้คนออกจากพื้นที่ ตนจึงคลานไปหลบอยู่หลังบ้าน เนื่องจากว่าเดินไม่ได้ กระทั่งมีชาวบ้านมาอุ้มตนเองไปไว้ห่างจากจุดเกิดเหตุไกลพอสมควร ผ่านไปหลายชั่วโมง กระทั่งได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นมา ก็รู้สึกตกใจเหมือนกัน
ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : sanook
