ยิ่งงมยิ่งเจอ พระเครื่อง-พระพุทธรูปในคลองลัดหลวง ล่าสุดเจอเกือบร้อยองค์

561
แชร์ข่าวนี้

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 20 มิถุนายน 2566 ที่เขื่อนริมคลองลัดหลวง ต.ตลาด อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ พระราชพัฒนสุนทร เจ้าคณะอำเภอพระประแดง เจ้าอาวาสวัดทรงธรรมวรวิหาร พร้อมด้วยนาย อำนาจ ชาญไชย ผอ.สำนักพุทธจังหวัดสมุทรปราการ พ.ต.อ.ประเสริฐสุข เฮงสุวรรณ์ ผกก สภ.พระประแดง เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูพร้อมชุดปฏิบัติกู้ภัยการทางน้ำ ลงไปค้นหาพระพุทธรูปเพิ่มเติมภายในคลองลัดหลวง ตั้งแต่โค้งเจริญกิจ จนไปถึงสะพานข้ามคลองวัดอาษาสงคราม เป็นระยะทางประมาณ 300 เมตร

พบพระพุทธรูปเพิ่มเติมอีกกว่า 10 องค์ ใช้เวลาค้นหาประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงนำพระพุทธรูปที่พบทั้งหมดในวันนี้นำไปรวมกับพระพุทธรูปที่เจอเมื่อวานเกือบ 100 องค์ ไปเก็บไว้ที่ สภ.พระประแดง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการบันทึกไว้ตรวจสอบ เพราะยังไม่ทราบว่าพระพุทธรูปดังกล่าวใครเป็นเจ้าของและใครเป็นคนที่นำมาทิ้งไว้ ตอนนี้ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ

แต่ในเบื้องต้นทราบว่าเมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. วันอาทิตย์ ที่ 18 มิถุนายน 2566 มีชาวบ้านเห็นว่ามีรถกระบะ 2 คัน และรถเก๋ง 1 คัน มาจอดบริเวณดังกล่าวและนำสิ่งของทิ้งลงไปในน้ำ  ส่วนสาเหตุเจ้าที่ตำรวจตั้งไว้ 2 ประเด็น 1.คาดว่าอาจจะลักทรัพย์มาแล้วนำมาโยนทิ้งเพื่อซ่อนไว้ / 2.อาจเป็นผู้ที่เปิดตำหนักทรงเจ้าและไม่ได้ดำเนินการต่อจึงนำพระพุทธรูปมาทิ้งไว้ที่จุดดังกล่าว

นาย วันชัย สุพรรณ 46 ปี ชาวบ้านเจอ เล่าว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณบ่ายกว่า ๆ ได้มีสิ่งของลักษณะรอยมาติดใต้ถุน จึงเก็บขึ้นมาล้างและจะนำคืนสถานีตำรวจ สิ่งที่ตนเองเห็นเป็นพระพุทธรูปลักษณะคว่ำหน้า ซึ่งเป็นองค์เจ้าแม่กวนอิมนอนคว่ำหน้าและติดบริเวณเสาตอม่อใต้ถุนบ้าน จมโคลนเลนอยู่ครึ่งองค์ จึงเขี่ยท่านขึ้นมาและนำมาล้างทำความสะอาดตนเองจึงอยากจะฝากเจ้าหน้าที่คืนสู่โรงพัก ส่วนสาเหตุตัวเองคิดว่าน่าจะขโมยมามากกว่า เพราะมันไม่เคยมีเนื่องจากตนเองอยู่ที่นี่ ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาก่อนที่นำมาทิ้งแบบนี้จริงคิดว่าน่าจะมีคนขโมยมา

นาย นาย บุญส่ง จับธรรม 80 ปี ชาวในระแวกนั้น เล่าว่า ตอนที่เขามาทิ้งเสียงมันดังช่วงเวลาประมาณ 4:00 น ได้ ตนนั่งทานกาแฟอยู่ได้ยินเสียงดังโครมเหมือนลักษณะคล้ายคนทิ้งขยะ ออกมาดูแต่ไม่เห็นมีขยะ มีแต่กอผักที่ลอยอยู่จึงมองไม่เห็นเพราะว่าน้ำขึ้นอยู่ พอมาช่วงเย็นจึงมองเห็นว่าพระทองเหลือง เต็มคลองข้างล่างนั้นเลยตรงนั้นเลยบริเวณที่เกิดเหตุ โดยลักษณะการทิ้งได้ยินโครมทีเดียวเลยแล้วก็ไปเลย ขับรถหนีไปเลย ตนเองก็ไม่กล้าออกมาดูเพราะไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

พระราชพัฒนสุนทร เจ้าคณะอำเภอพระประแดง เจ้าอาวาสวัดทรงธรรมวรวิหาร กล่าวว่า พอทราบข่าวว่ามีการพบพระเยอะแต่ไม่รู้ว่าใครนำมาทิ้งซึ่งมีเจ้าหน้าที่ได้ประสานงานสำนักพุทธ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางคณะสงฆ์จะติดต่อทางวัดต่างๆดูว่าวัดไหนมีแจ้งหายบ้างก็ให้มาติดต่อที่ สภ.พระประแดง โดยตรง แต่ที่นี่มันยังมองไม่ออก และยังไม่ได้ติดต่อใครเลยเดี๋ยวจะให้ประชาสัมพันธ์อีกครั้งหนึ่ง

ที่พบมีทั้งพระเก่าและพระใหม่ ซึ่งคละกันอยู่แต่ถามว่าเก่ามากไหมเก่าแต่ก็เก่าไม่มาก แต่ว่ามีมูลค่าทางจิตใจ อย่างหลวงพ่อโสธร หลวงพ่อบ้านแหลม ประมาณนั้นแต่ถ้า จริงๆ แล้วโยมคนไหนหรือถ้าจะมีใครมาทำแบบนี้ น่าจะติดต่อคนหนึ่งคนใดแล้วไปมอบให้ดีกว่าและอย่างน้อยก็ยังเป็นสถานที่นับถือของคนทั่วไป แต่ถ้ามาทำแบบนี้ทำให้เจ้าหน้าที่เขาเดือดร้อน ส่วนพระที่พบจำนวนมากในครั้งนี้ ตนเองยังไม่มั่นใจว่าโจรกรรมหรือของสำนักร่างทรงหรือเปล่าเพราะยังไม่ทราบเลยจริงๆ เนื่องจากชาวบ้านที่เห็นมาก็อยู่ในสภาพแบบนี้เลยเรายังไม่รู้เลย ว่ามาจากตำหนักหรือจากอะไรแน่ แต่จริงๆแล้วไม่สมควรนำมาทิ้งเพราะว่าเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวพุทธกันทุกคนบางองค์ก็ยังมีสำคัญอยู่ ซึ่งการกระทำแบบนี้ก็ไม่ค่อยจะดี สักเท่าไหร่

นาย ชำนาญ ชาญไชย ผอ.สำนักพุทธจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า ตามที่ได้ทราบจากสื่อโซเชียลของเมื่อวานนี้ ช่วงสายๆว่ามีการพบพระพุทธรูปจำนวน 1 อยู่บริเวณเขื่อนริมคลองต่อเนื่องกับวัดกลางมาถึงตรงวัดอาษา วันนี้จึงได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระประแดง และนักประดาน้ำของมูลนิธิร่วมกตัญญู ทีมสมุทรปราการ ช่วยกันดูและค้นหาตรวจสอบในตอนนี้ได้นำไป รักษาที่สถานีตำรวจ สภ.พระประแดง เพื่อเป็นหลักฐานในภายหลังในวันนี้ หากมีของกลางเพิ่มเติม ก็จะนำไป รวบรวมเก็บไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.พระประแดง เพิ่มเติม เพื่อรอการตรวจพิสูจน์และประสาน ไปยัง วัดสถานที่ต่างๆของจังหวัดสมุทรปราการว่ามีการแจ้งความหรือขโมยพระพุทธรูปในวัดหรือการสูญหายเพื่อให้มาดูพระพุทธรูปของกลางได้ที่ สภ.พระประแดง ก่อนเบื้องต้น ส่วนเบาะแสจากการสอบถามพูดคุยกับชาวบ้านทราบว่ามีรถมาจอดและนำพระพุทธรูปทิ้งไว้

นอกจากนี้ยังได้ประสานทีมนักข่าวของจังหวัดสมุทรปราการ ทราบว่าจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบมีรถกระบะ และ รถเก๋ง รวมประมาณ 3 คันน่าจะนำของมาทิ้งไว้ทั้งนี้จริง ต้องรบกวนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระประแดงให้เร่งไปตรวจสอบ และหารายละเอียด ส่วนมูลเหตุที่นำพระพุทธรูปจำนวนมากมาทิ้งไว้บริเวณนี้ ตนเองคิดว่าอาจจะเป็นการโจรกรรมโดยนำของกลางมาพักทิ้งไว้ก่อน แล้วจากนั้นทิ้งเวลาไว้สักพักค่อยมาเก็บใบส่วนอีกสาเหตุน่าจะมาจากสำนักร่างทรง ซึ่งตนมองตรงนี้ว่าถ้าเป็นสำนักอาจจะไปเช่าที่ดินของเอกชนแล้วหมดสัญญาโดยที่ไม่มีการรื้อย้ายพวกนี้ออกไป เจ้าของที่ดินอาจจะนำบุคคลภายนอกโดยการจ้างเพื่อนำของพวกนี้มาทิ้งเพื่อเคลียร์ที่ดินของตนเองให้ปลอดภาระ โดยที่ไม่ต้องรอให้ผู้เช่าเดิมมาหรือของออกไปประมาณนี้ครับ ซึ่งก็อาจจะเป็นอย่างนั้นโดยที่เราไม่ทราบข้อเท็จจริง อันนี้คือบนต้นเท่าที่ดูก็สันนิษฐานได้หลายอย่างโดยในส่วนตัวตนก็คาดว่าน่าจะเป็นสำนักร่างทรงหรือของที่ถูกโจรกรรมมา บางองค์เท่าที่เห็นก็น่าจะเป็นทองเหลือง ถ้ามองเป็นในแง่โลหะก็มีมูลค่าบางอันก็เป็นไม้น่าจะมีหลายรูปแบบทั้งไม้และทองเหลืองรวมถึงเนื้อหลายๆอย่าง

นายพรชัย พลเรียง อายุ 39 ปี ร่างทรงที่อยู่บริเวณนั้น ได้เล่าให้ฟังว่า ถ้าเป็นเรื่องของทางตำหนักร่างทรงนะครับก็คือไม่มี ทางมาทิ้งแบบนี้ถ้าลงเฟซบุ๊ก ก็คือประกาศทางเฟซไปก็จะมีเพราะพวกกันบูชาไปแล้วหรือว่าเอาไปบูชาถวายวัดก็ได้ หรือเอาไปวางตามแผงพระมันก็ได้ขายแล้ว มีทางเดียวก็คือถ้าไม่ขโมยมาก็เกิดเหตุไม่ดีกับตำหนักนั้นๆ อาเพศทั้งหลาย หรือจะเกิดอาเพศอย่างไรใดๆก็ตาม พระพุทธรูปหรือองค์เจ้าแม่กวนอิมที่สมบูรณ์หรือองค์ที่เป็นทองเหลืองก็ยังขายได้ หรือให้ผู้คนทั้งหลายมาบูชาก็ได้

ซึ่งตนเองก็เป็นร่างทรงตำหนักที่ไม่ได้เปิดเผยตัวตนมากหรือว่าร่างทรงทั้งหลาย ในการแอบอ้าง ลำพังตัวตนเองค่าครู 99 บาท เพื่อช่วยเหลือเพื่อมนุษย์ด้วยกันแต่จริงๆก็คือ ในประเด็นนี้ตนก็เพิ่งจะได้ยินข่าว ภาพเมื่อวานมีการเอาพระมาทิ้ง ตนเองรู้สึกเศร้าใจในนามของคนพุธที่นำพระมาทิ้งในแม่น้ำ มันไม่น่าทำเพราะว่าถ้าคนเป็นตำหนักจริงๆก็จะต้องรักษาศีลและปฏิบัติในเรื่องของพระพุทธเจ้ามากและองค์เทพเจ้าต่างๆเขาจะนับถือจะไม่นำมาทิ้งนอกจากขโมยมา มันเหมือนกับการ ตนมองไปในทางว่าตำหนักทั้งหลายก็เป็นหนี้เป็นสินก็มีอาจจะรับมาแบบไม่ถูกต้องก็เลยต้องเอามาทิ้งก่อน เป็นหนี้ให้เขายึดมาไม่รู้จะเอาไปทิ้งไว้ที่ไหน ในฐานะที่ตนเองเป็นร่างทรงมีตำหนัก มีการรู้จักกันทั้งหมดส่วนตัวเองคิดว่าน่าจะ เป็นการขโมยมา ส่วนหาก ตำหนัก เจ๊งหรือมีหนี้สินล้นพ้นตัวตนเองคิดว่าน่าจะไม่ใช่เป็นอันแน่ถ้ากรณีนั้นจะต้องเป็นสิ่งบูชาที่ชำรุดพังเสียหาย แต่ตนเองมองเห็นว่าสิ่งที่ทิ้งยังสวยงามอยู่ถ้าจะนำมาทิ้งแบบนี้เป็นไปไม่ได้มีเพียง 0% ที่จะเป็นไปได้

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : sanook


แชร์ข่าวนี้