ลุงป่วยโควิดดับบนรถไฟ สุวรรณภูมิ เผยเหตุการณ์ในสนามบิน เร่งตามแกร็บ!

230
แชร์ข่าวนี้

จากกรณีที่ เกิดเหตุผู้โดยสารรถไฟเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ระหว่างเดินทางไปสุไหงโกลก ต่อมาพบว่า ผลแล็บ ผู้โดยสารวัย 57 ปี มีเชื้อไวรัสโควิด-19 และพบคลิปไอใส่ผู้อื่นนั้น

นายกิตติพงษ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยาสุวรรณภูมิ ฝ่ายปฎิบัติการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท.เปิดเผยถึงกรณีที่ชาวสุไหงโกลกอายุ57ปี ที่กลับจากปากีสถานติดเชื้อโควิด-19และเสียชีวิตบนรถไฟว่า สนามบินสุวรรณภูมิได้ทำการตรวจสอบประวัติการเดินทางของผู้ตาย พบว่า ชายคนดังกล่าวเดินทางมาจากกรุงอิสลามมาบัด ประเทศปากีสถาน ด้วยเที่ยวบิน TG350 เดินทางมาถึงไทยเวลาประมาณ 06.00น. ของวันที่ 29 มี.ค.

โดยเมื่อเดินทางมาถึงได้ขอรับบริการวีลแชร์จากทางสนามบิน เนื่องจากมีอาการขาไม่ดีเดินขากระเผลก ซึ่งสนามบินได้ส่งเจ้าหน้าที่วีลแชร์ไปให้บริการและเข็นชายคนดังกล่าวไปรอรับกระเป๋าบริเวณสายพานรับกระเป๋า ซึ่งในเที่ยวบินดังกล่าวมีคนเดินทางมาจำนวนมาก ทำให้ต้องรอกระเป๋านานกว่า ครึ่งชั่วโมงทำให้เจ้าหน้าที่สัมผัสใกล้ชิดกับชายคนดังกล่าวเป็นเวลานาน จากนั้นชายคนดังกล่าวได้ขอให้เจ้าหน้าที่เข็นรถไปยังจุดเรียกแท็กซี่ เพื่อเดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ

ภาพลุงเสียชีวิตบนรถไฟ ที่สถานีรถไฟ
ภาพลุงเสียชีวิตบนรถไฟ ที่สถานีรถไฟบางซื่อ

เนื่องจากชายคนดังกล่าวได้สัมผัสใกล้ชิดกับ พนักงานเข็นรถและแท็กซี่ที่ให้บริการภายในสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินจึงได้พยายามติดต่อบุคคลทั้ง 2 และล่าสุดตามตัวเจอทั้งหมดแล้ว โดยเมื่อเช้าวันนี้ (2 มี.ค.) เวลาประมาณ 08.00 น.ได้ประสานเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคให้เข้ามาทำการตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 เจ้าหน้าที่รถเข็น และแท็กซี่ที่ให้บริการชายคนดังกล่าว คาดว่าจะทราบผลภายใน 8-10 ชั่วโมง หรือภายในช่วงเย็นวันนี้

นายฐากูร อินทรชม ผอ.ฝ่ายปฏิบัติการเดินรถของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า ขณะนี้ รฟท. ได้ตามตัวชายที่ถูกผู้ตายไอรดใส่ได้แล้ว โดยชายคนดังกล่าวได้มาขอติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอคืนเงินตั๋วโดยสารจำนวน 4 ใบ แต่เพื่อความแน่ใจชายคนที่ถูกไอรดจะขอเข้ามาดูCCTVเพื่อยืนยันตัวตนอีกครั้งในวันนี้ จากนั้นจะต้องกักตัวและสังเกตพฤติกรรมต่อไป ส่วนผู้หญิงเสื้อเหลืองที่มีการเดินสวนกับชายคนดังกล่าวได้ประสานให้ตำรวจช่วยตามตัวแล้ว

ทั้งนี้จากการสอบประวัติการเดินทางของผู้ตายพบว่า เดินทางกลับมาจากปากีสถาน และถึงสนามบินสุวรรณภูมิเวลาประมาณ 06.00 น ของวันที่29 มี.ค. จากนั้นได้ขึ้นรถแท็กซี่เดินทางต่อไปเข้าพักยังโรงแรมมุสลิม โฮม 2 (Muslim Home 2). 1 (2321) ซอยรามคำแหง 59 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ ไม่ได้ออกไปไหนสั่งอาหารขึ้นมากินบนห้องและพักอยู่จนถึงวันรุ่งขึ้น คือ30มี.ค. โดยในช่วงบ่ายได้เรียกรถแท็กซี่แกรปเดินทางออกจากโรงแรมไปยังสถานีรถไฟบางซื่อ

“ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังประสานหาบุคคลที่สัมผัสใกล้ชิด ทั้งพนักงานมีโรงแรม รวมทั้งแท็กซี่แกร็บที่ไปส่งผู้เสียชีวิตในวันนั้น แต่ในส่วนของคนขับแกร็ปนั้นยังหาไม่เจอ หากอ่านข่าวหรือพบว่าได้เคยไปรับชายคนดังกล่าวจากโรงแรมดังกล่าวในช่วงบ่ายของวันที่ 30 ก็ขอให้คนขับแกร็ปกักตัวและเฝ้าระวังตนเองเพื่อสังเกตุพฤติกรรม 14 วันด้วย”


แชร์ข่าวนี้