หมอยงย้ำ โควิด-19 ยังไม่ระบาดรอบสองในไทย ผลตรวจ 38 ผู้ใกล้ชิด 2 หญิง ไม่พบติดเชื้อ

191
แชร์ข่าวนี้

อาจารย์หมอยง ยืนยันขณะนี้ยังไม่มีการระบาดของโควิด-19 รอบสองในไทย ระบุประเทศไทยมีความพร้อมรับมือหากเกิดการระบาดระลอก 2 ขณะกระทรวงสาธารณสุขเผยผลตรวจ 38 ผู้สัมผัสใกล้ชิด 2 หญิงไทย ยังไม่พบการติดเชื้อ

วานนี้ (21 ส.ค.) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานความคืบหน้าผลการสอบสวนและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กรณีหญิงไทย 2 ราย ที่มารับการตรวจสุขภาพก่อนจะเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศ ซึ่งผลการตรวจโควิด-19 ทางห้องปฏิบัติการ พบสารพันธุกรรมในปริมาณน้อย และเจาะเลือดมีผลตรวจพบภูมิคุ้มกัน บ่งชี้ว่าเคยมีการติดเชื้อมาก่อน

โดยหลังจากได้รับรายงานในเรื่องนี้ ทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรคของกรมควบคุมโรค หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่สอบสวนโรคเพื่อค้นหาและติดตามตัวผู้ใกล้ชิดในครอบครัวและชุมชนในทันที เพื่อเก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อก่อโรคโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR และข้อมูลจนถึงเมื่อวานนี้ (21 ส.ค.) พบว่า

  1. มีผู้ใกล้ชิดในครอบครัวและเพื่อนบ้านของรายที่ 1 ที่อายุ 34 ปี รวม 23 คน ผลการตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการพบว่า ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19
  2. มีผู้ใกล้ชิดในครอบครัวและเพื่อนบ้านของรายที่ 2 ที่อายุ 35 ปี รวม 15 คน ผลการตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการพบว่า ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19

ดังนั้น รวมทั้งสองกรณี ขณะนี้มีการดำเนินการตรวจหาเชื้อจากผู้ใกล้ชิดไปแล้วทั้งหมด 38 คน ซึ่งผลการตรวจยังไม่มีผู้ใดติดเชื้อ

อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังคงดำเนินการตามขั้นตอนการสอบสวนและมาตรการป้องกันโรคของกระทรวงสาธารณสุขอย่างต่อเนื่องจนครบกระบวนการ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนชาวไทย จึงขอให้ทุกคนมั่นใจในมาตรฐานการป้องกันควบคุมโรคของประเทศไทยที่มีระบบเข้มแข็ง และขอให้ประชาชนยังคงดูแลป้องกันตนเอง ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่องเช่นเดิม “สวมหน้ากาก ล้างมือ แยกของใช้ เว้นระยะห่าง ลดแออัด” สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

ขณะที่ ศาสตราจารย์นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยในระหว่างแถลงข่าว ณ ศูนย์ปฏิบัติการด้านข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี ว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยสามารถควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ดีมาก เป็น 1 ใน 7 ประเทศที่องค์การอนามัยโลกให้ความชื่นชมการควบคุมการระบาด แต่ละประเทศมีนโยบายการบริหารจัดการ การควบคุมโรคไม่เหมือนกัน ประเทศไทยมีความร่วมมือที่ดีจากทุกภาคส่วน ทำให้สามารถควบคุมโรคในระดับที่ไม่พบการติดเชื้อภายในประเทศนานกว่า 85 วันแล้ว ผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่พบมาจากต่างประเทศและกักตัวสังเกตอาการใน State Quarantine

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีโอกาสพบการระบาดได้ เนื่องจากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อทั่วโลกยังมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ย 4 วัน ต่อ 1 ล้านราย และคาดการณ์ว่าภายในสิ้นปี 2563 อาจพบผู้ป่วยทั่วโลกสูงถึง 50 ล้านคน และมีเสียชีวิตถึง 1.5 ล้านคน แต่ขณะนี้ระบบสาธารณสุขของเรามีความพร้อม จากประสบการณ์ที่เคยมีผู้ติดเชื้อสูงถึงวันละ 100 กว่าราย ก็สามารถรับมือได้ ที่สำคัญผู้ติดเชื้อ 100 คน จะมีผู้ที่มีอาการมากเพียง 20 คน ในจำนวนนี้ มีเพียง 3-5 คนที่มีอาการวิกฤต ต้องเข้า ICU นอกจากนี้ ต่อไปยังมียารักษาโรค และวัคซีนที่มีอย่างน้อย 6 ชนิดจากต่างประเทศ อยู่ในขั้นตอนการทดลองระยะ 3 คาดว่าจะสามารถผลิตได้ในสิ้นปีนี้

สำหรับกรณีพบหญิงไทยเดินทางจากต่างประเทศ และตรวจพบเชื้อหลังกลับเข้าไทย 75 วัน และ 50 วันนั้น เป็นร่องรอยที่บ่งบอกว่าเคยติดเชื้อจริง แต่ที่พบเป็นชิ้นส่วนไวรัสที่มีปริมาณน้อยมาก ไม่สามารถแพร่เชื้อได้ แต่เพื่อความปลอดภัยกระทรวสาธารณสุขได้ส่งทีมสอบสวนผู้สัมผัสอย่างรวดเร็ว ผลตรวจขณะนี้ไม่พบผู้ติดเชื้อ เรามีหลักฐานยืนยันในผู้ที่หายป่วยตั้งแต่ 35 วัน จนถึง 105 วัน และมาบริจาคพลาสมาให้กับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย และการศึกษาร่วมกับ กทม. จำนวน 217 คน พบว่า 13 คน ตรวจพบชิ้นส่วนไวรัสและผู้ที่สัมผัสกับคนเหล่านี้ ไม่มีใครติดเชื้อเลย และขอเชิญชวนให้ผู้ติดเชื้อที่เดินทางกลับจากต่างประเทศที่หายแล้ว มาร่วมกันบริจาคพลาสมา ขณะนี้มีแล้ว 300 หน่วย รักษาได้ร่วม 300 คน เก็บได้นาน 1 ปี จะช่วยลดอัตราการตายได้หากให้ตั้งแต่ระยะแรก

ศ.นพ.ยง กล่าวต่อว่า การจะพูดว่าระบาดระลอก 2 ต้องมีการแพร่กระจายเชื้อภายในประเทศ และติดเชื้อมากกว่า 3 คนขึ้นไปและเป็นกลุ่มก้อน แต่หากมีผู้ติดเชื้อภายในประเทศเพียง 1 ราย จะไม่ถือว่าเป็นการระบาด เป็นเพียงการพบผู้ป่วยรายใหม่เท่านั้น สำหรับประเด็นการกลายพันธุ์ เป็นเรื่องของวิวัฒนาการและความเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด รวมถึงเชื้อโควิด-19 ด้วย ซึ่งสายพันธุ์ไม่ได้บ่งบอกถึงความรุนแรงของโรค และไม่ได้บอกว่าวัคซีนจะช่วยป้องกันไม่ได้ แต่มีประโยชน์ในทางระบาดวิทยาที่จะบอกถึงต้นตอถิ่นกำเนิดว่ามาจากแหล่งเดียวกันหรือไม่

“การต่อสู้ครั้งนี้จะประสบความสำเร็จดีมาก ทุกคนต้องช่วยกัน ทั้งรัฐ เอกชน ประชาชน ต้องรักษาระเบียบวินัย รณรงค์ให้ล้างมืออย่างน้อย 20 วินาที หรือการใช้เจลแอลกอฮอล์ ป้องกันเขาป้องกันเรา ด้วยการสวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย เมื่อออกจากบ้านและเข้าในที่ชุมชน รวมถึงการรักษาระยะห่าง ไม่อยากเห็นการรวมคนหมู่มาก หากทำได้จะช่วยลดการแพร่กระจายและลดการแพร่ระบาดของโรคได้ ขอให้อดทนถ้าคนไทยร่วมมือกัน เราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน” คุณหมอยง กล่าวสรุป

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : sanook


แชร์ข่าวนี้