ประกันสังคมเยียวยาลูกจ้างเจอผลกระทบไวรัสโควิด-19 ให้ลดจ่ายเงินสมทบเหลือ 4% ยาว 6 เดือน ครอบคลุมหมดนายจ้าง-ลูกจ้าง มาตรา 39 ได้ด้วย

ในการประชุมคณะกรรมการประกันสังคมและที่ปรึกษา เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2563 คณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบในหลักการให้ปรับลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคมให้กับนายจ้าง และผู้ประกันตน ทั้งมาตรา 33 และมาตรา 39 โดยนายจ้าง และผู้ประกันตนมาตรา 33 ปัจจุบันจ่ายฝ่ายละ ร้อยละ 5 ของค่าจ้าง ลดเหลือฝ่ายละ ร้อยละ 4 ของค่าจ้าง

สำหรับผู้ประกันตนเองโดยสมัครใจมาตรา 39 จากปัจจุบันจ่าย 432 บาทต่อเดือน เป็นจ่าย 336 บาทต่อเดือน ซึ่งการลดอัตราเงินสมทบดังกล่าวมีกำหนดระยะเวลา 6 เดือน นับแต่งวดค่าจ้างประจำเดือนมีนาคมถึงเดือนสิงหาคม 2563 ทั้งนี้ การปรับลดอัตรา เงินสมทบดังกล่าวจะไม่กระทบต่อสิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกันตนจะได้รับแต่อย่างใด

สำหรับขั้นตอนในการบังคับใช้ตามมติคณะกรรมการฯ ในเรื่องการปรับลดอัตราเงินสมทบนั้น ต้องเป็นไปตามกฎหมายประกันสังคม มาตรา 46/1 การลดหย่อนอัตราเงินสมทบในกรณีประสบภัยพิบัติ ที่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะต้องออกเป็นประกาศกระทรวงแรงงานโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี

ขณะนี้ สำนักงานประกันสังคมได้มีการเร่งยกร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เพื่อเสนอกระทรวงแรงงานและคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ และให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว

ทันต่อสภาวะภัยพิบัติฉุกเฉินอันส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในช่วงนี้ และตอบสนองนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในการเร่งบรรเทาผลกระทบนายจ้าง ลูกจ้าง และผู้ประกันตน จากสถานการณ์โควิด-19

นายกสมาคมโรงแรมไทย คาด “ไวรัสโควิด-19” กระทบรุนแรงช่วง เม.ย.-มิ.ย. 63 ยอดจองที่พัก รายได้ แตะ 0%

นางสาวศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ นายกสมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ในปัจจุบันสมาคมมีสมาชิกอยู่กว่า 880 โรงแรม โดยเป็นโรงแรมที่มีขนาดใหญ่มากกว่า 250 ห้องพักขึ้นไปมีจำนวน 480 โรงแรม ซึ่งปัญหาจากการระบาดของ ไวรัสโควิด-19 ถือว่ามีผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรม ซึ่งเชื่อว่าผลกระทบจะรุนแรงในช่วงเดือนเมษายน ถึง เดือนมิถุนายน 2563 โดยทำให้ยอดจองห้องพัก และรายได้หายไปทั้งหมด หรือ อยู่ที่ 0% โดยผลกระทบดังกล่าวโรงแรมขนาดใหญ่น่าเป็นห่วงเนื่องจากมีต้นทุนในการประกอบธุรกิจสูง แต่ทุกโรงแรมหากบริหารจัดการการลดต้นทุนไม่ได้ อาจจะต้องปิดกิจการ

อย่างไรก็ตาม ปัญหาดังกล่าวนั้นยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะมีผลกระทบมากน้อยเพียงใด ยืดเยื้อยาวนานแค่ไหน เพราะขณะนี้ยังไม่สามารถยับยั้งการแพร่ระบาดได้

ศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรคเกาหลีใต้ (เคซีดีซี) แถลงวันนี้ (14 มี.ค.) ว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เพียงแค่ 107 คน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ. ที่ผ่านมา ขณะที่จำนวนสะสมของผู้ติดเชื้อทั้งหมดอยู่ที่ 8,086 คนในเกาหลีใต้

ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 62 คน จากทั้ง 107 คนนี้ พบที่เมืองแดกู ทางใต้ของประเทศ ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางการระบาดภายในเกาหลีใต้ ส่วนอีก 6 คนพบที่ จ.คยองซังเหนือ ที่มีพื้นที่ติดกับเมืองแดกู หากคิดสัดส่วนผู้ป่วยของทั้ง 2 พื้นที่นี้รวมกันจะพบว่ามีผู้ติดเชื้อถึง 88% ของทั้งประเทศ

ส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 13 คนพบที่กรุงโซล โดยกรุงโซลกลายเป็นแหล่งระบาดใหม่อีกแหล่งหนึ่งตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

เคซีดีซี ระบุอีกว่า วันนี้ (14 มี.ค.) มีผู้เสียชีวิตจากโรค COVID-19 อีก 5 คน ทำให้ยอดรวมทั้งหมดอยู่ที่ 72 คน 

ด้านนายปาร์ค นึง-ฮู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสวัสดิภาพและสาธารณสุขเกาหลีใต้ เผยว่าเกาหลีใต้ผ่านจุดสูงสุดของการแพร่ระบาดแล้ว ส่วนการที่พบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก โดยเฉพาะจากกลุ่มศาสนาคริสต์ชินชอนจีนั้น เป็นเพราะการตอบสนองที่รวดเร็วของเจ้าหน้าที่ การติดตามผู้ป่วยที่่เข้มข้น และการรณรงค์ด้านสุขภาพที่เข้าถึง

นอกจากนี้ เกาหลีใต้ยังใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและสร้างสรรค์ อย่างเช่น การใช้จีพีเอสติดตามตัวผู้ที่อยู่ระหว่างกักตัว และใช้แอปพลิเคชันแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับโรค COVID-19 ให้ประชาชนทราบทุกวัน

ฝ่ายปกครองปทุมธานีจับ 5 โจ๋ พร้อมของกลางยาบ้า ยาไอซ์ และอาวุธสงครามซุกซ่อนอยู่ในนาข้าว

นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ปลัดจังหวัดปทุมธานี นายเสริมวิทย์ สมบัติ ป้องกันจังหวัดปทุมธานี นายสงวนศักดิ์ ศรีวัฒนพงษ์ ผอ.ปปส.ภ.1 นายนิติชัย วิริยานนท์ นายอำเภอคลองหลวง ว่าที่ร้อยตรีพิชญะ เพียราช ปลัดอำเภอคลองหลวง พ.ต.อ.เศรษฐณัณข์ ทิมวัฒน์ ผกก.สภ.คลองหลวง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอคลองหลวง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง ได้ร่วมกันตรวจค้นบ้าน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และจับกุมเยาวชนชาย-หญิง อายุ 16-17 ปีพร้อมของกลางยาบ้า ยาไอซ์ อาวุธปืนสั้นพร้อมกระสุนปืน อาวุธปืนสงครามจำนวน 3 กระบอกพร้อมกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง

ด้านนายนิติชัย วิริยานนท์ นายอำเภอคลองหลวง กล่าวว่าจากการที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอคลองหลวงจับกุมเยาวชนชายพร้อมของกลางยาบ้าได้จำนวนหนึ่งในเขต ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จากนั้นก็มีการขยายผลและทราบว่าบ้านดังกล่าวมีเยาวชนมามั่วสุมกันเป็นจำนวนมากและมียาเสพติดซุกซ่อนอยู่จึงได้นำกำลังเข้าตรวจจึงพบยาบ้า ยาไอซ์ พร้อมอาวุธปืนสงคราม และเครื่องกระสุนปืนซุกซ่อนอยู่ในนาข้าวโดยผู้ต้องหาได้ขุดหลุมฝังดินเอาไว้ ซึ่งจากการจับกุมยาเสพติดและอาวุธปืนสงครามครั้งนี้ถือว่าเป็นรายใหญ่และทางเจ้าหน้าที่ยังมีการปิดล้อมที่เกิดเหตุเพื่อที่จะขยายผลตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง