เรียกได้ว่ามีฟีเจอร์ใหม่ๆ ออกมาให้เราได้เล่นกันเพียบครับสำหรับ watchOS 7 ระบบปฏิบัติการ iOS เวอร์ชันใหม่สำหรับ Apple Watch ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาในงาน WWDC 2020

ทั้งนี้ Apple เผยโฉม  watchOS 7 ที่จะเพิ่มความสามารถด้านการปรับแต่งให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากขึ้น พร้อมนำคุณสมบัติด้านสุขภาพและฟิตเนสใหม่อันทรงพลังมาไว้บนสมาร์ทวอทช์ที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก  การปรับแต่งตามความต้องการของผู้ใช้ได้รับการยกระดับไปอีกขั้นด้วยหน้าปัดที่สามารถกำหนดค่าให้แชร์หรือค้นพบได้ ในขณะที่การตรวจจับการนอน การตรวจจับการล้างมืออัตโนมัติ ประเภทการออกกำลังกายเพิ่มเติม รวมถึงการเต้น และคุณสมบัติสุขภาพการได้ยินใหม่จะช่วยให้ผู้ใช้มีข้อมูลด้านสุขภาพแบบองค์รวมที่ละเอียดยิ่งกว่าเดิม ซึ่งทั้งหมดนี้ออกแบบมาโดยคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้เป็นหลักเช่นเคย นอกจากนั้น แอพแผนที่ยังได้รับการอัพเดทให้มาพร้อมเส้นทางการขี่จักรยานซึ่งดูได้ง่ายๆ จากบนข้อมือ และวันนี้ Siri ก็สามารถแปลภาษาได้แล้ว

“ผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า Apple Watch ได้มอบพลังใจให้แก่เรา และเรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ส่งมอบเครื่องมือใหม่ที่มีประโยชน์ในการดูแลสุขภาพ ฟิตเนส และความสุขในทุกๆ ด้านของลูกค้า” Jeff Williams ประธานฝ่ายปฏิบัติการของ Apple กล่าว “watchOS 7 มาพร้อมการติดตามการนอน, การตรวจจับการล้างมืออัตโนมัติ และประเภทการออกกำลังกายใหม่พร้อมทั้งวิธีการสำรวจและใช้หน้าปัดนาฬิกาแบบใหม่หมด ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้ามีสุขภาพดี แอ็คทีฟ และต่อติดกับทุกเรื่องอยู่เสมอ”

หน้าปัดนาฬิกาและการแชร์

หน้าปัดนาฬิกาที่ปรับแต่งได้สามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซด์

หน้าปัดคือศูนย์กลางของการใช้งานนาฬิกา ซึ่งจะแสดงข้อมูลสำคัญให้ลูกค้าเห็นได้ทันทีแค่เหลือบมอง ทั้งยังช่วยให้ลูกค้าปรับแต่ง Apple Watch ในแบบที่ต้องการได้ watchOS 7 มาพร้อมวิธีการใหม่ในการค้นพบและแชร์การผสมผสานอันเป็นเอกลักษณ์เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งหน้าปัดนาฬิกาให้เข้ากับกิจกรรมและไลฟ์สไตล์ของตนได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่มือใหม่ นักเซิร์ฟตัวยง นักเทนนิส ไปจนถึงช่างภาพ ลูกค้าสามารถปรับแต่งหน้าปัดตามความต้องการได้มากมายหลายแบบ รวมทั้งเลือกกลไกที่ครอบคลุมการใช้งานของตน จากนั้นแชร์ผ่านแอพข้อความหรือเมล ทั้งยังสามารถเข้าไปดูหน้าปัดแบบต่างๆ ทาง App Store หรือลิงก์จากเว็บไซต์และช่องทางโซเชียลมีเดียได้อีกด้วย

หน้าปัดนาฬิกาที่ปรับแต่งได้สามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซด์

watchOS 7 มีการอัพเดทหน้าปัดให้เหมาะกับผู้ใช้มากยิ่งขึ้นและเข้าถึงแอพโปรดได้ง่ายขึ้น หน้าปัด Chronograph Pro ที่มีความแม่นยำขั้นสูงและมีรายละเอียดสวยงามมาพร้อมมาตรวัดความเร็วที่จะคำนวณความเร็วตามระยะเวลาที่ใช้และระยะทางที่กำหนด, หน้าปัด “รูปภาพ” มาพร้อมฟิลเตอร์สี ส่วนหน้าปัด “ใหญ่พิเศษ” ที่ดูโดดเด่นให้ลูกค้าเพิ่มกลไกได้หลายแบบแล้ววันนี้

หน้าปัด Chronograph Pro มาพร้อมมาตรวัดความเร็วในตัว

สามารถใส่ฟิลเตอร์สีให้กับหน้าปัด

หน้าปัด

วันนี้นักพัฒนาสามารถเพิ่มกลไกสำหรับแอพได้มากกว่าหนึ่งแบบบนหน้าปัดเดียว เช่น Glow Baby สามารถแสดงกลไกได้หลายแบบบนหน้าปัดเดียว ซึ่งจะช่วยให้พ่อแม่มือใหม่ติดตามการให้นมจากขวด การให้นมแม่ สถิติการปั๊มนม และเวลานอนกลางวันของทารก ในขณะที่ Dawn Patrol จะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับกระแสน้ำที่เหมาะแก่การเล่นเซิร์ฟ ความเร็วลม และอุณหภูมิน้ำจากจุดเล่นเซิร์ฟยอดนิยม

พ่อแม่มือใหม่สามารถใช้ Glow Baby เพื่อดูเวลานอนกลางวัน เปลี่ยนผ้าอ้อม และเวลาให้นมลูกได้จากหน้าปัดเดียว

นักเล่นเซิร์ฟสามารถสร้างหน้าปัดการเล่นเซิร์ฟด้วย Dawn Patrol เพื่อติดตามอุณหภูมิน้ำ คลื่นใต้น้ำ และความเร็วลมของชายหาดที่พวกเขาโปรดปราน

Nike Run Club สามารถแสดงข้อมูลที่หลากลายบนหน้าปัดได้แก่ pace จากการวิ่งครั้งก่อน และความสำเร็จครั้งล่าสุด

การนอนหลับ

watchOS 7 นำคุณสมบัติการติดตามการนอนมาสู่ Apple Watch ซึ่งเป็นการให้ความสำคัญกับการนอนแบบองค์รวม ด้วยการมอบเครื่องมืออันทรงคุณค่าที่จะช่วยให้ผู้ใช้นอนหลับได้อย่างเพียงพอ เข้านอนตรงเวลา และเสริมสร้างนิสัยก่อนเข้านอนที่จะช่วยให้ผู้ใช้นอนครบตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวของ Apple Watch จะตรวจจับการเคลื่อนไหวของร่างกายในระดับไมโคร ซึ่งเป็นตัวชี้วัดการหายใจขณะนอนหลับ Apple Watch จึงบันทึกเวลาที่ผู้สวมใส่นอนหลับและจำนวนชั่วโมงการนอนในแต่ละคืนได้อย่างชาญฉลาด เมื่อถึงตอนเช้า ผู้สวมใส่ก็จะเห็นภาพรวมข้อมูลการนอนของเมื่อคืน รวมถึงระยะเวลาการตื่นและหลับ และยังสามารถดูแผนภูมิแสดงแนวโน้มการนอนแบบรายสัปดาห์ได้อีกด้วย

คุณสมบัติการติดตามการนอนใหม่ให้ความสำคัญกับการนอนแบบองค์รวม

American Academy of Sleep Medicine ระบุไว้ว่ากิจวัตรก่อนเข้านอนจะช่วยเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการนอน Wind Down จึงเป็นแอพที่ช่วยส่งเสริมการนอนได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการให้ผู้ใช้ Apple Watch และ iPhone สร้างกิจวัตรก่อนเข้านอนของตนเองขึ้นมาได้ ซึ่งรวมถึงการตั้งค่าบรรยากาศในแอพบ้าน การฟังเสียงที่ช่วยให้ผ่อนคลาย หรือการใช้แอพฝึกสมาธิที่โปรดปราน เมื่อผู้ใช้เลือก “Sleep Mode” Apple Watch จะเปิดใช้คุณสมบัติ “ห้ามรบกวน” และปรับหน้าจอให้มืดตลอดคืนโดยอัตโนมัติ

Apple Watch จะปลุกผู้ใช้ด้วยการสั่นเตือนแบบเงียบๆ หรือเสียงเบาๆ ขณะที่หน้าจอการปลุกจะแสดงระดับแบตเตอรี่ในปัจจุบัน หากแบตเตอรี่ต่ำเกินไปในช่วงหนึ่งชั่วโมงก่อนเวลาเข้านอน Apple Watch จะเตือนผู้ใช้ให้ชาร์จนาฬิกาก่อน โดยขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้ชาร์จบ่อยแค่ไหน ส่วนข้อมูลการนอนก็จะได้รับการเข้ารหัสไว้ในตัวอุปกรณ์หรือใน iCloud ด้วยการซิงค์ และผู้ใช้จะควบคุมข้อมูลของตนเองได้เสมอ

ตั้งเป้าหมายระยะเวลาการนอนเพื่อนอนหลับให้เพียงพอ

Sleep Mode บน Apple Watch หรี่แสงบนหน้าจอ

หน้าจอการตื่นแสดงระดับแบตเตอรี่ในขณะนี้ และสภาพอากาศ

การตรวจจับการล้างมืออัตโนมัติ

การล้างมืออย่างวิธีอย่างน้อย 20 วินาทีจะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดได้ Apple Watch จึงใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว ไมโครโฟน และการเรียนรู้ของระบบในตัวอุปกรณ์เพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหวและเสียงของการล้างมือโดยอัตโนมัติ ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมสำหรับอุปกรณ์สวมใส่ที่ไม่เคยมีมาก่อน จากนั้นตัวจับเวลาจะนับถอยหลัง 20 วินาที และหากผู้ใช้ล้างมือเสร็จก่อน นาฬิกาจะแจ้งเตือนให้ล้างต่อจนกว่าจะครบระยะเวลาที่กำหนด Apple Watch สามารถแจ้งเตือนผู้ใช้ให้ล้างมือเมื่อกลับถึงบ้านได้อีกด้วย

แอพสุขภาพบน iPhone จะแสดงความถี่และระยะเวลาในการล้างมือของผู้ใช้ พร้อมทั้งแสดงข้อมูลเกี่ยวกับความสำคัญของการล้างมือที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพโดยรวม แต่เสียงที่ใช้ตรวจจับการล้างมือนั้นจะไม่มีการบันทึกหรือจัดเก็บโดยอัตโนมัติในแอพสุขภาพหรือ Apple Watch

ประเภทการออกกำลังกายและแอพฟิตเนส

แอพออกกำลังกายเป็นหนึ่งในแอพที่ได้รับความนิยมมากที่สุดบน Apple Watch และครั้งนี้ watchOS 7 มาพร้อมการออกกำลังกายประเภทใหม่ที่น่าตื่นเต้น 4 ประเภทซึ่งทำงานร่วมกับอัลกอริทึมอัตราการเต้นของหัวใจและการเคลื่อนไหวที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะ ได้แก่ Core Training, Dance, Functional Strength Training และ Cooldown

Apple Watch จะใช้เซ็นเซอร์สุดล้ำหลายตัวร่วมกันเพื่อวัดปริมาณแคลอรี่ที่เผาผลาญจากการเต้นอย่างถูกต้อง โดยจะรวบรวมข้อมูลจากเซ็นเซอร์อัตราการเต้นของหัวใจ รวมทั้งข้อมูลจากไจโรสโคปและอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหว จึงทำให้ Apple Watch ตรวจวัดความเคลื่อนไหวจากส่วนต่างๆ ของร่างกายระหว่างการเต้นซึ่งถือเป็นความท้าทายเฉพาะของการออกกำลังกายประเภทนี้ได้ การออกกำลังกายด้วยการเต้นผ่านการทดสอบและตรวจสอบความถูกต้องด้วยสไตล์การเต้นยอดนิยม 4 แบบ ได้แก่ บอลลีวู้ด, คาร์ดิโอ แดนซ์, ฮิปฮอป และละติน

แอพกิจกรรมที่ออกแบบใหม่บน iPhone ซึ่งตอนนี้เรียกว่าฟิตเนส มาพร้อมมุมมองใหม่ที่ให้ผู้ใช้ดูข้อมูลได้ง่ายขึ้น โดยจะประกอบด้วยกิจกรรมรายวัน การออกกำลังกาย รางวัล และแนวโน้มกิจกรรมรวมอยู่ในแท็บเดียว ส่วนการแชร์กิจกรรมและการแข่งขันทำกิจกรรมจะแยกเป็นอีกแท็บ

แอพฟิตเนสบน iPhone ได้รับการออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดเพื่อแสดงมุมมองข้อมูลกิจกรรมในแบบที่เรียบง่ายยิ่งขึ้น

การได้ยิน

แอพเสียงรบกวนที่เปิดตัวพร้อม watchOS 6 สามารถวัดระดับเสียงรอบตัวและระยะเวลาที่ผู้ใช้ได้ยินเสียงนั้นได้ ครั้งนี้ watchOS 7 จึงนำคุณสมบัติดังกล่าวมาต่อยอดเพื่อสุขภาพการได้ยินที่ดียิ่งขึ้นด้วยการแจ้งเตือนเสียงหูฟัง ลูกค้าสามารถทำความเข้าใจว่าพวกเขาฟังสื่อต่างๆ ด้วยระดับเสียงที่ดังแค่ไหน เวลาที่ใช้หูฟังร่วมกับ iPhone, iPod touch หรือ Apple Watch และเมื่อใดที่ระดับเสียงนั้นอาจส่งผลต่อการได้ยินของพวกเขา

watchOS 7 ยังคงรองรับคุณสมบัติสุขภาพการได้ยินด้วยการแจ้งเตือนเสียงหูฟังใหม่

เมื่อปริมาณการฟังเสียงโดยรวมด้วยหูฟังสูงเกิน 100% ของปริมาณการฟังที่ปลอดภัยต่อสัปดาห์ Apple Watch จะแจ้งเตือนให้ผู้สวมใส่ทราบ ตัวเลขนี้ได้มาจากคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกที่ระบุว่าผู้ใหญ่สามารถฟังเสียงที่ดังถึง 80 เดซิเบลได้เป็นเวลาประมาณ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการได้ยิน1 ลูกค้าสามารถเข้าไปดูในแอพกิจกรรมบน iPhone ได้ว่าพวกเขาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีระดับเดซิเบลสูงคิดเป็นเท่าไหร่ต่อสัปดาห์ และสามารถควบคุมระดับความดังสูงสุดของหูฟังได้ แต่เสียงจากคุณสมบัติการแจ้งเตือนเสียงหูฟังนั้นจะไม่มีการบันทึกหรือจัดเก็บในแอพสุขภาพหรือ Apple Watch

สำหรับสมาชิกโครงการนักพัฒนาของ Apple สามารถดาวน์โหลด watchOS 7 รุ่นตัวอย่างสำหรับนักพัฒนาได้ที่ developer.apple.com ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่ผู้ใช้ watchOS จะได้ทดลองใช้งานรุ่น Public Beta

ซึ่งจะเปิดให้ดาวน์โหลดในเดือนหน้าที่ beta.apple.com watchOS 7 จะเปิดให้ใช้งานในรูปแบบของการอัพเดทซอฟต์แวร์ฟรีในช่วงปลายปีนี้สำหรับ Apple Watch Series 3, Apple Watch Series 4 หรือ Apple Watch Series 5 ซึ่งจับคู่กับ iPhone 6s หรือใหม่กว่าที่ใช้งาน iOS 14 ขึ้นไป คุณสมบัติบางประเภทอาจใช้ไม่ได้ในบางภูมิภาค บางภาษา หรือบางอุปกรณ์ คุณสมบัติอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ apple.com/watchOS-preview

ขอขอบคุณ

ข้อมูล :www.apple.com

แหล่งที่มา : sanook

ในงาน WWDC 2020 ทึ่จัดขึ้นออนไลน์ครั้งนี้หนึ่งในไฮไลท์เป็นการเปิดตัว iOS 14 ที่มีฟังก์ชั่นปรับการใช้งานให้ง่าย เป็นระเบียบมากขึ้น และแน่นอนว่าทาง Apple ไม่ทำให้เราผิดหวังจริงๆ ครับเพราะ iOS 14 มาพร้อมความเปลี่ยนแปลงที่เรียกได้ว่าเร้าใจมากๆ

เริ่มต้นกับ iOS 14 ปกติแล้ว iOS มักจะเก็บซ่อนอยู่ท้ายๆ แต่ครั้งนี้การ Present น่าสนใจและลบ iPhoneOS ออกไปจากนักปล่อยข่าวลือออกไปทันที เพราะยังคงใช้กับ iPod Touch ได้อยู่แต่ก็จะมีลูกเล่นเพิ่มเติมดังนี้

• การดีไซน์ใหม่จะทำให้ Widget มีบทบาท กับหน้า Home Screen มาขึ้น รวมถึงการแบ่งประเภทของ Folder จะใหญ่ขึ้นทำให้รู้ว่าข้างในมีโปรแกรมอะไรบ้าง
• ฟีเจอร์ Apps Clip เล็กลง และทำให้สามารถเปิดใช้งานได้ง่ายขึ้นบางทีไม่ต้องโหลด Aps ตัวเต็มมาก็ได้ 
• มีจัดการหน้าของ Apps ใหม่ 

• พร้อมกับฟีเจอร์ของ Maps ที่ช่วยบอกเส้นทางปั่นจักรยาน, สถานที่ชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้า 
• Car Key เสริมกับฟีเจอร์ของ CarPlay ที่สามารถตั้งกุญแจรถให้กับลูกของคุณได้มากขึ้น 
• การแบ่ง Folder จะมีขนาดใหญ่มากขึ้น 
• ปรับปรุง Siri ให้มีขนาดเล็กและคล่องตัวในการสั่งงานรวมถึงการแสดงผลได้ด้วย 
• ชิป U1 ใน iPhone จะช่วยให้การทำงานของกล้องให้ดูมีประสิทธิภาพมากขึ้น 
• แถมยังรอบรับฟีเจอร์ฟังเสียงได้ 360 องศาผ่านทาง AirPods Pro ได้

iPadOS 14

มาต่อกับ iPad OS หรือบางคนจะเรียก iOS ยักษ์ก็ไม่ผิดอะไร สำหรับการเปลี่ยนแปลงโดยหลักแล้วก็คล้ายกับ iOS แต่ว่าจะมีฟีเจอร์ของ Side Bar ที่เริ่มทำให้ลงตัวมากขึ้นจะประกอบไปด้วย 

• ปรับปรุงการแสดงผลให้การสั่งงานได้ง่ายสำหรับพื้นที่หน้าจอขนาดใหญ่ โดยเฉพาะการใช้งาน Side Bar  
• การแสดงผลเพลงสามารถบอกได้เต็มหน้าจอ 
• Siri นอกจากจะมีขนาดเล็กลงและคล่องตัวใน iOS แล้ว แต่สำหรับ Siri จะสามารถสั่งด้วยการแตะข้างจอ 
• การโทร เปลี่ยนให้เล็กลงทั้ง Face Time หรือรูปแบบอื่นๆ ให้เล็กลงและไม่ขวาง สามารถปฏิเสธสายผ่านการปัด 
• การค้นหาจากการปัดเปลี่ยนใหม่เป็น Tab ขึ้นมาอันนึงและอยู่ใน Side Bar แค่เราพิมพ์ค้นหาจะแสดงผลใน Safari 
• การทำงานผ่าน Apple Pencil จะทำงานผ่านโปรแกรมอื่นๆ ได้ไม่ว่าจะเป็น 
  • การวาดรูป ถ้าเครื่องจับได้ว่าวาดเส้นหรือรูปร่างจะเปลี่ยนแปลงเป็นเส้น หรือจะเป็นการเพิ่ม Hilight ของข้อความ ผ่านการทำงานของ Machine Learing  
  • การสร้าง Folder สามารถเขียนด้วย Apple Pencil เขียนเป็นตัวอักษรได้ แต่ว่าภาษาไทยยังไม่แน่ใจว่าได้หรือยัง 

และแน่นอนว่าสิ่งที่หลายๆ คนกังวลคือเรื่องที่ว่า และใครละจะได้ไปต่อกับ iOS 14 ทั้งหมดนี้คือรายชื่อ iPhone ที่ได้ไปต่อ

iPhone รุ่นใดบ้างที่รองรับ iOS 14

• iPhone 11
• iPhone 11 Pro
• iPhone 11 Pro Max
• iPhone XS
• iPhone XS Max
• iPhone XR
• iPhone X
• iPhone 8
• iPhone 8 Plus
• iPhone 7
• iPhone 7 Plus
• iPhone 6s
• iPhone 6s Plus
• iPhone SE รุ่นแรก
• iPhone SE (2020)
• iPod touch รุ่นที่ 7

WatchOS 7

การอัปเดตของระบบปฏิบัติการของ Apple Watch ในครั้งนี้ก็เน้นเรื่องของการปรับปรุงหน้าตามากขึ้น และเรื่องใส่ใจเกี่ยวกับสภาพได้มากขึ้นไม่ประกอบด้วย

• หน้าปัดจะมีความหลากหลายมากขึ้น เปลี่ยนทั้งสีการบอกข้อมูลสามารถสลับ Switch ได้ 
• Face Sharing ถ้าไม่ชอบ Face Watch ของคุณสามารถดูของคนอื่นที่ชอบเอามาปรับและการโหลด Apps มาให้เหมาะสมได้ สามารถแชร์ผ่าน Social Media ได้ 
• Maps Watch OS สามารถดูข้อมูลเรื่องของพื้นที่หนาแน่นระหว่างการปั่นจักรยานได้ 
• Workout  

• จะเพิ่ม Dance ที่คุณชอบไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนทั้ง Hip Hop, Latin, และอื่นๆ จะมีการจับเรื่องของเซนเซอร์ทั้งการจับการเคลื่อนไหว และ Heart Rate  
• การแสดงผลจะเปลี่ยนแปลงทั้งหมดจะอยู่ในชื่อ Fitness แทน Activity 
• Wind Down จะมีการเพิ่มฟีเจอร์ในการจับการแสดงได้ และจะสามารถแสดงผลได้เมื่อเรา Tab นาฬิกา และเมื่อตื่นจะมีการสั่นเตือนและดูว่าวันนี้เวลาเท่าไหร่ กี่โมง และแบตเตอรี่ของ Apple Watch เหลือเท่าไหร่ 
• ส่งผลการนอนสู่ iPhone ในฟีเจอร์ Health แสดงผลได้ละเอียด 
• Hands Watch Detection จะทำงานเมื่อมีการล้างมือว่า เราล้างได้ตามครบหรือไม่ ถ้าเราล้างไม่ครบมันก็จะเตือนให้เราล้างมือให้ครบ ตามเวลาที่กำหนด 

Privacy 

Apple ยังคงเน้นเรื่องของความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ นอกจากปีที่แล้วจะเปิด Sign in With Apple ปีนี้มีการขยายไปยัง Apps Store ว่าแต่ละ Apps ต้องขอการเข้าถึงอะไรที่เกี่ยวกับคุณเช่นการบอกพิกัดโดยคุณสามารถกดให้เป็นขอเป็นรายครั้ง หรือ จะเป็นการเว็บก็จะมีฟีเจอร์ที่แจ้งเตือนว่าเว็บจะขอให้เข้าถึงอะไรได้ และจะถามซ้ำๆ ให้คุณเลือกกด รวมถึง Apple ID จะสามารถเข้าได้ทั้ง 3 ทางเช่นสแกนหน้า พิมพ์รหัส หรือ Sign in With Apple

HomeKit / Apple TV 

นอกจากการจับมือกับ Google, Amazon รวมถึงพันธมิตรต่างๆ แล้วยังมีฟีเจอร์ต่างๆ ดังนี้

• สามารถตั้งค่าเกี่ยวกับการตั้งเปิดไฟอัตโนมัติ จะให้เซนเซอร์จับว่ามืดหรือมีคนเคลื่อนไหว 
• ตั้งค่ารวมกับส่วนอื่นในบ้านเช่นโรงรถ หรืออื่นๆ  
• Adaptive Light จะมีฟีเจอร์ปรับสีและการแสดงผลตามสภาพแสงให้เกิดความสบายตา 

• Camera จะมีฟีเจอร์ Activity Zone จับเรื่องการเชื่อมต่อกับกล้องได้ และรวมถึงเวลามีคนมากดกริ่งหน้าบ้านก็จะแสดงผ่าน Apple TV หรือ Home Pods ได้ 
• แสดงผลพร้อมกันได้ทั้งหมดหากเราต้องการ 
• เช็คการแสดงผลผ่านมือถือได้ง่าย 
• Apple TV มีการเพิ่มการเชื่อมต่อกับเครื่องเล่นเกมและ Join เพื่อนร่วมเล่นเกมได้ รวมถึงซีรีส์ใหม่ของ tv+ Foundation จะฉายในปี 2021

MacOS 11 (BigSur)

 มาถึงส่วนสำคัญที่เรียกได้ว่าเปลี่ยนแปลงเยอะทีุ่สด จนเรียกได้ว่าพลิกโฉมกันเลยทีเดียวนั่นคือ ระบบปฏิบัติการของเครื่อง Mac โดยมีรายละเอียดดังนี้

• เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Big Sur เปลี่ยนแปลงใหม่ที่สวยงามชึ้นและใช้สะดวก 
• เปลี่ยนดีไซน์ใหม่เป็นแบบโปร่งใสมากขึ้น และมีการปรับเปลี่ยน icon ให้ให้ดูมีมิติมากขึ้น  
• Side Bar จะเล็กลงกว่าเดิม และมีให้แทบทุกจุดทำให้ดูสะดวกมากขึ้น เช่นในเมล และมี Tools Bar ที่เป็น icon และแสดงผลตาม Apps ที่เปลี่ยนไป 
• การใช้งานแบบ Zoom ใน Gallery สามารถใช้งานการแสดงผล Multi Touch 
• Control Center มีรูปแบบที่สามารถกดได้ง่ายเพราะมีขนาดของระบบใหญ่ สามารถเลือกย้ายการตั้งแค่ของ Control Center ได้ หรือหน้าตาจะคล้ายกับ iOS, iPad OS  
• Widget จะสามารถเลือกใส่หรือสลับได้ง่ายเพียงกดข้างล่างและเราสามารถลากใส่ ได้ให้เต็มของ Notication ได้ 
• Message ใส่ Effect, Emoji และ Memoji ทำให้มีสีสันได้มากขึ้น 

• Maps เปลี่ยนแปลงเวอร์ชั่นใหม่ จะมีจุดที่เราไปบ่อยเช่นที่ทำงาน บ้าน หรือ ร้านกาแฟประจำ และสามารถแชร์พื้นให้เพื่อนได้ และรวมถึง ฟีเจอร์ใน iOS 14 ก็ตามมาด้วย 
• Mac Catalist  

• Safari มีการปรับปรุงเร็วขึ้นกว่า Chrome 50% รวมถึงฟีเจอร์ทั้งความเป็นส่วนตัวและการเพิ่ม Extensions ทำให้เพิ่มความสามารถของตัวมันเองและยังรักษาความเป็นส่วนตัวว่าต้องการให้ Extensions ใช้งานแบบไหนก็ได้ 
• ขุมพลังของ Apple จะเปลี่ยนแปลงอีกครั้งเป็น Apple Silicon
  • ว่า iPad แรงแล้ว แต่ Apple Silicon ใน Mac จะดีกว่า 
  • การที่ Mac มาใช้ขุมพลัง อันใหม่นี้อาจจะทำให้การเขียนโปรแกรมยังรองรับทั้งหมดที่มีอยู่ 
  • เบื้องต้นโปรแกรมจาก Adobe และ Microsoft จะสามารถใช้งานกับ Apple Silion ได้ โดย Mac OS Big Sur รันผ่านขุมพลัง A12z ขุมพลังเดียวกับ iPad Pro 2020 ได้ 
  • พร้อมรองรับการทำงานผ่าน Universal 2 ที่ช่วยให้การทำงานบนขุมพลังที่หลากหลายช่วยให้เกิดความลื่นไหลอยู่ 
  • รองรับ Virtualiztion ได้ทั้งสามารถแสดงผลกราฟิก หรือจะใช้เครื่องเปิด 2 ระบบปฏิบัติการ หรือจะเป็นการเปิด Apps บน iOS เพิ่มเติมพร้อมกันใน macOS Big Sur 
  • สำหรับเวอร์ชั่น Developer Transation จะมี Mac mini ที่จะใช้ขุมพลัง Apple A12z พร้อมกับ RAM 16GB แต่ไม่รู้ว่านี่จะเป็นของจริงหรือไม่ 

ทั้งหมดสำหรับนักพัฒนาสามารถโหลดมาทดลองได้แล้ววันนี้ ส่วน Public Beta จะพร้อมในเดือนกรกฎาคม เวอร์ชั่นจริงเจอกันเร็วๆ นี้ 

ส่วน AirPods นอกจากจะมีฟีเจอร์ฟังเสียงได้รอบทิศยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ สลับอุปกรณ์ได้แบบไร้รอยต่อได้แล้ว ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ฟังเสียงได้ 360 องศา เฉพาะ AirPods Por นะครับ

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : sanook